――หลังจากเวียนค้าแข้งมาทั้งหมด 14 สโมสรในอิตาลี เสร็จแล้วก็ย้ายไป CFR Cluj สโมสรชื่อดังของโรมาเนียด้วยสินะคะ

  "ครับ นั่นเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ติด 1 ใน 3 ในชีวิตการค้าแข้งของผมเลยครับ เรื่องแรกคือได้ฝึกฝนอยู่ภายใต้อคาเดมีของมิลาน อีกเรื่องคือตอนไปเล่นให้กับนาโปลี ตอนนั้นผมอยู่นาโปลีประมาณปีครึ่ง (เซเรีย B 1 ปีและเซเรีย A ครึ่งปี) ความกดดันจากสื่อและกองเชียร์นั้นไม่ใช่เล่น ๆ เลยครับ ผมรู้สึกว่าถ้าอยู่กับนาโปลีได้จะไปไหนก็ไปได้หมดเลยครับ ประสบการณ์ในตอนนั้นมันสำคัญมากจริง ๆ"

――1 ใน 3 เหตุการณ์สำคัญที่พูดถึงนี่ แสดงว่าอันสุดท้ายคือไปเล่นให้กับ Cluj น่ะเหรอคะ?

  "ใช่ครับ นั่นคือการปลดปล่อยตัวเองทั้งกายและใจครั้งแรกเพื่อให้ไปเล่นที่ต่างประเทศครับ วัยก็เริ่มเยอะแล้วด้วยล่ะนะครับ(ตอนย้ายไปอายุ 30) แต่ผมก็ตั้งใจเรียนภาษา ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนผมก็เข้าใจภาษาโรมาเนียแล้วครับ ตอนที่ให้สัมภาษณ์ผมก็พูดภาษาโรมาเนียด้วย การได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างถิ่นทั้งเรื่องฟุตบอลและเรื่องชีวิตส่วนตัวนั้นช่างเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากเลยครับ นอกจากจะได้สัมผัสกับนักเตะหลากหลายเชื้อชาติแล้ว มันทำให้จิตสำนึกที่ระบุว่า "อิตาลีคืออันดับ 1 ในด้านของฟุตบอล" มันแตกต่างไปจากเดิมด้วยครับ มันมีอะไรให้ผมเรียนรู้เยอะมาก เพราะฉะนั้นหลังจากไปอยู่ที่นั่น 2 ปีแล้วกลับมาอิตาลีอีกหนึ่งครั้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมากเลยล่ะครับ สาเหตุที่ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการทีมอยู่ก็เพราะผ่านเหตุการณ์ 3 ชั้นที่แสนสำคัญมาก่อนนั่นเองครับ"

――คุณได้เล่นเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกในสมัยอยู่กับ Cluj ด้วยใช่ไหมครับ

  "เกมชปล.มันสนุกมากเลยครับ สำหรับอิตาลีแล้วผลลัพธ์คือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับต่างชาติแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เนื่องจากผมเป็นนักเตะต่างชาติที่อยู่โรมาเนีย เลยทำให้ไม่รู้สึกกดดันจากแฟน ๆ เจ้าถิ่นเลยครับ เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้ผมสัมผัสเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้อย่างเพลิดเพลินมากเลย เจอกับทั้งโรม่าและบาเยิร์น พวกเราตั้งใจลากเลี้ยงทำประตูเต็มที่ มันสนุกครับ มันอิ่มเอมมาก ยิ่งพอเป็นผู้จัดการทีมในตอนนี้แล้วผมยิ่งรู้สึกว่าอยากจะให้นักเตะสัมผัสสิ่งเหล่านั้นให้ได้ครับ ต้องสนุกกับฟุตบอล"

――สาเหตุที่ย้ายไปเล่นให้ Cluj เป็นเพราะกุนซือชาวอิตาลีอย่างมันโดรินี่ชักชวนใช่ไหมคะ?

  "ใช่ครับ มันเป็นช่วงเวลาย่ำแย่มากที่ผมต้องอิดโรยกับอาการบาดเจ็บ แล้วในตอนนั้นก็มีโทรศัพท์จากมันโดรินี่โทรมา เขาชวนผมว่าสนใจจะมาที่นี่ไหม ในตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปครับว่าเขาคุมทีมอยู่ที่ตรงไหนในโลก พอผมลองไปแล้วมันก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากเลยครับ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากเป็นกุนซือทีมต่างชาติตั้งแต่เนิ่น ๆ เหมือนกันครับ"

  พอตอบเช่นนั้นแล้วฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสโมสร Sassuolo ที่ชื่อว่าคุณ Massimo ถึงกับแซวว่า "เดี๋ยว ๆ(หัวเราะ)"