เมื่อเนย์มาร์ย้ายไปเล่นหน้าต่ำ จึงมีการปรับแผนเดิมจาก 4-3-3 เป็นการเล่นแบบ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นการทำให้ผู้เล่นที่เล่นตำแหน่งปีกซ้ายอย่างดิมาเรียได้ผลประโยชน์จากระบบไปเต็ม ๆ เมื่อคุณภาพในการรุกของเขาสูงขึ้นก็ส่งผลโดยตรงกับเกมรับของฝั่งตรงข้ามที่ถูกทะลวงได้โดยง่าย บ่งบอกให้เห็นถึงเกมรุกที่เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ส่วนเกมรับนั้นก็ไม่ได้แย่ลงแต่อย่างใด
 
  สำหรับทางเอ็มบาปเป้ก็เช่นกัน หากมองดูจากอัตลักษณ์ของเขาล่ะก็ สิ่งที่สามารถทำให้เขาฉายแววได้โดดเด่นที่สุดคงเป็นศูนย์หน้าหมายเลข 2 ทูเคิลทำการจัดตำแหน่งให้กับเอ็มบาปเป้เหมือนดั่งที่ ดีดีเย เดช็อง กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสใช้ในฟุตบอลโลก การเล่นเป็นปีกขวานั้นทำให้เอ็มบาปเป้สามารถทำเกมรุกสวนที่ดุดันและรวดเร็ว สามารถใช้พื้นที่ของความเป็นปีกบุกกดดันฝั่งขวาของศัตรูได้อย่างดุดันและสามารถจบสกอร์ด้วยตัวเองได้ การเล่นปีกขวาของเขายิ่งดึงเอาสัญชาตญาณในการจบสกอร์ของเขาออกมาได้อย่างมากยิ่งขึ้น
 
  เนื่องจากตอนนี้ยังอายุ 19 ปี เพราะฉะนั้นเพื่อความเติบโตมากกว่านี้จึงจำเป็นต้องคุ้นชินกับการถูกประกบด้วยกองหลังของฝั่งตรงข้าม เอ็มบาปเป้คือนักเตะอัจฉริยะที่ยิ่งเข้าใกล้ประตูมากแค่ไหนเขายิ่งสามารถก่อให้เกิดประตูได้มากเท่านั้น แต่เมื่อมีนักเตะระดับท็อปอย่างทั้งเนย์มาร์และคาวานี่อยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้นการจัดเอ็มบาปเป้ให้ไปเล่นปีกขวาจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วนั่นเอง
 
  การมีผู้เล่นแถวสองที่มีความสามารถสูงอย่างทั้งเอ็มบาปเป้ เนย์มาร์และดิมาเรียนั้น ยิ่งทำให้คาวานี่สามารถเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าได้ในภาวะอุดมคติเลยก็ว่าได้ เขาไม่ใช่แค่อยู่ตรงหน้าประตูโดด ๆ แต่มีพื้นที่บริเวณแดนหน้าทั้งฝั่งให้ตัวเองสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระ เมื่อเอามาประกอบกับสไตล์การเล่นที่สามารถจบสกอร์ได้อย่างมีไดนามิกนั้น เขายิ่งสามารถเล่นประกอบกับเพื่อนอย่างเช่นการวิ่งทะลุหลังรอเพื่อนจ่ายลูก การจ่ายทะลุเพื่อให้เอ็มบาปเป้ที่มีความเร็วเข้ามาจบสกอร์จากแถวสอง หรือการให้เนย์มาร์ที่มีทักษะในการครองบอลเฉพาะตัวสูงนั้นลากกองหลังแล้วจ่ายลูกมาให้ เรียกได้ว่าเขามีตัวช่วยตัวสนับสนุนเยอะแยะมากมาย