สโมสรต่างดาว บาร์เซโลน่านั้น แม้วันปีจะผ่านไปแต่ก็ยังมีเมสซี่เป็นศูนย์กลางของทีม
 
  หลังจากปีก่อนเนย์มาร์ย้ายไป PSG อย่างสุดช็อค ยุคสมัยแห่งสามประสาน MSN เมสซี่ ซัวเรส เนย์มาร์ เป็นอันสิ้นสุดลง ซึ่งนั่นทำให้เมสซี่มีภาระต้องแบกทีมหนักขึ้น นอกจากนั้นซัวเรสในฤดูกาลนี้ 12 นัดก็ทำไปเพียง 4 ประตู (ค่าเฉลี่ย 1 นัดต่อ 0.33 ประตู หากเทียบกับฤดูกาลก่อนจะเป็น 0.6 ส่วนฤดูกาล 2016-2017 นั้นอยู่ที่ 1.1) ก็เห็นได้ว่าความดุดันของตัวซัวเรสนั้นลดน้อยลง
 
  และเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวนั้น จึงมีการดึงตัวนักเตะเข้ามาใหม่สองคนอย่างทั้ง อุซุมาน เดมเบเล่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาเข้าทีม จริงอยู่ที่ในหลาย ๆ ปีนั้นซัวเรสจะเป็นนักเตะประเภทเครื่องร้อนช้า แต่หากคำนึงว่าในเดือนมกราคมปีหน้าเขาจะมีอายุ 32 แล้ว หากบาร์ซ่ายังต้องการครองความเป็นจ่าฝูงและสร้างความยิ่งใหญ่ต่อไปนั้น กุญแจที่สำคัญคือระบบเกมรุกใหม่ที่มีนักเตะทั้งสองเป็นตัวตั้งต้น
 
  หลังจากการเจรจากับทางลิเวอร์พูลสิ้นสุดลง ในที่สุดบาร์ซ่าก็คว้าตัวของคูตินโญ่มาได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้การคว้าตัวของเขาเข้าทีมนั้นจะส่งผลให้เกิดประเด็นวิพากย์วิจารณ์อย่างมากมายก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ากุนซือของบาร์เซโลน่าอย่าง Ernesto Valverde มีความหวังที่จะปั้นเขาให้กลายเป็นอิเนียสต้าคนใหม่ให้ได้นั่นเอง
  
  แต่คูตินโญ่นั้นยังดูขาด ๆ แคลน ๆ ด้านการปั้นเกมรุกอยู่พอสมควรหากเอาไปเทียบกับอิเนียสต้า แต่สิ่งที่แลกเปลี่ยนกับมานั้นคือการยิงลูกจากระยะไกล ระยะกลาง ที่มีความเฉียบคมและมีทักษะในการลากเลื้อยที่สูงส่ง เรียกได้ว่านักเตะชาวบราซิลคนนี้นั้นเป็นเหมือนเป้าหมายใหม่ที่แต่ละทีมต้องคอยจับตามองให้ดี
 
  "คูตินโญ่เป็นนักเตะคนละประเภทกับอิเนียสต้า เขาไม่ใช่นักเตะประเภทเกมเมคเกอร์ แต่เป็นตัวรุกที่คอยจะทำประตูกับทีมให้ได้"

  ระบบใหม่ที่กุนซือบัลเบเด้เลือกใช้นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงว่าเขาก็มีแนวคิดเช่นเดียวกัน ซึ่งการแข่งขันในหลายนัดที่ผ่านมา กุนซือเลือกให้คูตินโญ่ไปเล่นที่ตำแหน่งปีกข้างซ้ายแทนตัวของเดมเบเล่ในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนผู้ที่มาตำแหน่งมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายแทนอิเนียสต้าในฤดูกาลก่อนนั้น ก็เป็นทางฝั่งอาตูร์นักเตะที่อยู่ในสายการปั้นเกมที่ดูเหมาะสมกว่านั่นเอง
 
  ซึ่งนั่นส่งผลให้การคุมเกมในแดนกลางเป็นไปได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งทางเฆราปีเก้ ก็กล่าวชมคูตินโญ่ว่า "ถ้าเขาเลี้ยงบอลวิ่งเข้ามาหาล่ะก็ ไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวิ่งไปทางซ้ายหรือขวา ความเร็วก็อยู่ในระดับท็อปสปีด" ซึ่งนั่นก็บ่งบอกถึงความสามารถในการทะลุทะลวงของคูตินโญ่ที่แสนดุดัน เขายังคงรุกไล่และหาโอกาสทำประตูไปต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เห็นแนวทางของคูตินโญ่อย่างชัดเจนว่า พอเขาเข้าสโมสรมาได้หนึ่งปีนั้นเขาต้องปรับตัวเองไปในทิศทางไหน