กุนซือ โธมัส ทูเคิล ที่เข้ามากุมบังเหียนของ PSG ในฤดูกาลนี้นั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการคุมทีมดอร์ทมุนด์ เขาเน้นให้ทีมเล่นเกมด้วยการควบคุมเน้นครองบอลและผสมผสานไปกับการเพรสซิ่งสไตล์เจอร์เก้น คล็อปป์ เรียกได้ว่าเป็นสไตล์การสู้ที่คอยแย่งลูกบอลจากฝั่งตรงข้ามด้วยความดุดันเสมอก็ว่าได้
เพียงแต่ภาพลักษณ์ที่ออกมาจากการคุมทีม PSG นั้นดูจะแตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย ถึง PSG จะเปี่ยมไปด้วยดาวดังระดับโลกมากมายตั้งแต่ คีเลียน เอ็มบาปเป้, เอดีซัน คาวานี่, เนย์มาร์ และ อังเคล ดิมาเรียก็ตาม แต่เขาก็ทำการคุมทีมให้ทำการเล่นเกมรุกกดดันที่หนักขึ้น ดึงเอาเอกลักษณ์ของตัวนักเตะแต่ละคนออกมา นักเตะแต่ละคนในทุกพื้นที่สนามสามารถเล่นเกมรุกได้ นอกจากนั้นก็ยังมีการปรับสมดุลให้เกมรับเข้มแข็งได้อีกด้วย
สิ่งที่แตกต่างจากกุนซือคนเก่าอย่าง อูไน เอเมรี่ อย่างชัดเจนนั้นคือการย้ายเนย์มาร์จากปีกซ้ายให้ไปเล่นหน้าต่ำ ซึ่งทำให้เขาสามารถสัมผัสบอลในแดนกลางได้มากยิ่งขึ้นจนสามารถเชื่อมเกมรุกและเป็นผลให้โอกาสจบสกอร์ในทีมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนั่นคือแผนที่ทูเคิลวางเอาไว้กระมัง
ที่ตำแหน่งหน้าต่ำนั้น จะทำให้พื้นที่ในการจู่โจมมีกว้างขึ้น การวางโพซิชันของเขาก็สามารถทำได้อย่างหลากหลาย สามารถกระชากพาบอลไปเล่นด้านหน้าได้อีกด้วย หากเทียบกับตำแหน่งเดิมอย่างปีกซ้ายที่ต้องเจอกับการรับมือของแบ็คขวาในฝั่งตรงข้ามนั้น มันทำให้กลยุทธ์ที่ใช้ในการรุกถูกจำกัดเอาไว้ เป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถเล่นได้อย่างเป็นอิสระนั่นเอง
แม้แดนกลางจะมีพื้นที่ในการครองบอลน้อยกว่าฝั่งริมเส้นก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เนย์มาร์ครองบอลกับเท้าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนย์มาร์นักเตะผู้มีทักษะเฉพาะตัวสุดยอดอย่างเขานั้น การถูกจำกัดด้วยปริมาณพื้นที่จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย กลับกลายเป็นว่าการที่มีพื้นที่น้อยลงยิ่งทำให้เนย์มาร์สามารถโชว์ฟอร์มระดับอัจฉริยะของเขาออกมาได้มากขึ้นเสียด้วย
ซึ่งในความเป็นจริงเนย์มาร์ก็ไม่ได้อยู่แค่คอยจบสกอร์หรือทำลายแดนหลัง ณ ตำแหน่งระหว่างมิดฟิลด์กับกองหลังของฝั่งตรงข้ามเท่านั้น เขามักจะลงไปช่วยเกมในแดนกลางเพื่อคอยเชื่อมเกมและเพิ่มการครองบอลอีกด้วย เลยทำให้ขณะนี้สโมสร PSG ทำเกมรุกโดยเริ่มจากเขา ในแต่ละเกมเขาจ่ายลูกอย่างน้อย 60 ครั้ง ซึ่งตัวเลขนี้ก็บ่งบอกถึงความเป็นมิดฟิลด์มากกว่ากองหน้าเสียอีกด้วย