"ถึงเวลายุติการค้าแข้งของผมแล้ว ตลอดช่วงเวลาที่แสนตื่นเต้นตลอด 18 ปี ในที่สุดก็ถึงคราวต้องตัดสินใจ"

  เฟอร์นันโด ตอร์เรสประกาศยุติการค้าแข้งผ่านทางโลกออนไลน์

  ปี 2001 ตอร์เรสวัย 17 ปีเลื่อนชั้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโกมาดริด(สมัยนั้นอยู่ลีก 2) ในหนึ่งสัปดาห์ถัดมาเขาก็ยิงประตูแรกของตัวเองได้ในเกมที่เจอกับ Albacete นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็คอยวิ่งอยู่ในสนามอย่างต่อเนื่อง

  ในช่วงระยะเวลานั้นกับเกมทีมชาติ ตอร์เรสก็ช่วยสเปนคว้าแชมป์ EURO2008 ที่เยอรมันโดยการยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศ หลังจากนั้นปี 2010 ก็คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก อีก 2 ปีถัดมาก็กลับมาคว้าแชมป์ EURO ได้อีกครั้ง 
  ทางฝั่งของสโมสรเขาก็สร้างผลงานเป็นดาวยิงแนวหน้าของยุโรปภายใต้การคุมทีมของราฟาเอล เบนิเตซกับสโมสรลิเวอร์พูล หลังจากนั้นก็ย้ายไปสโมสรเชลซีด้วยค่าตัว 58 ล้านจนกลายเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีกในสมัยนั้น ผลงานกับเชลซีก็มีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้าและ FA Cup จนกระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม 2014 ก็ย้ายกลับมาที่แอตเลติโกมาดริดอีกครั้งท่ามกลางแฟนที่มารอต้อนรับในสนามกว่าห้าหมื่นราย ชีวิตของเขามีแต่ช่วงเวลาสุดแสนน่าประทับใจ
 

  บุคคลที่ตอร์เรสนับถือเป็นอาจารย์นั้นคือ Luis Aragonés ผู้ล่วงลับ เขาเข้ามาคุมทีมแอตเลติโกมาดริดอีกครั้งในปีถัดมาหลังจากที่ตอร์เรสเดบิวต์ติดทีมชุดใหญ่ เขาคือกุนซือผู้มองออกว่าตอร์เรสมีคุณสมบัติเป็นตัวแทนผู้แบกแอตเลติโกมาดริดและทีมชาติสเปนในอนาคตท่ามกลาง "เหล่าบุตร(Niño)" กุนซืออาราโกเนสคอยกระตุ้นตอร์เรสแล้วให้การบ้านเขาด้วยการฝึกซ้อมเฉพาะทางทั้งการยิงและการควบคุมบอลในระดับยากยิ่งขึ้นจนทำให้ตอร์เรสเติบโตจนกลายเป็นกองหน้าระดับเฟิร์สคลาสของโลกได้

  กุนซือที่คุมทีมชาติสเปนในปี 2008 จนคว้าแชมป์ EURO ได้นั้นก็คือทางตัวอาราโกเนสนี่เอง เจ้าตัวตอร์เรสที่ "ตอบแทนพระคุณอาจารย์" ด้วยการยิงประตูชัยในนัดชิงนั้น ผลงานของเขาในฐานะชุดกระทิงดุก็ยิงไปทั้งสิ้น 38 ลูก เป็นรองเพียงแค่ดาวิด บีย่า(59 ประตู)และราอูล กอนซาเลซ(44 ประตู)เพียงเท่านั้น

  เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ที่ประธานสโมสร Enrique Cerezo และ CEO อย่าง Miguel Ángel Gil Marín เดินทางมาที่เอเชียนั้นพวกเขาก็ได้พบเจอกับตอร์เรสที่ประเทศญี่ปุ่น "พวกเราเปิดประตูต้อนรับเธอกลับมาเสมอนะ" ทางด้านตอร์เรสที่โดนสองผู้บริหารหยอดคำหวานเช่นนั้นเขาไม่มีแนวโน้มหรือสัญญาณอะไรที่บอกว่าจะแขวนสตั๊ดในปีนี้เลยหากตัดเรื่องความเหนื่อยล้ากับความเครียดที่ดูแสดงออกทางสีหน้ามาบ้าง