เดือนมีนาคม 2017 ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนสนาม Vicente Calderón Stadium ที่เคยใช้เป็นสนามเหย้าของแอตเลติโกมาดริดมาก่อน

  การแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต้องเจอกับเลเวอร์คูเซ่น เมื่อลองปรายตามองไปทั่วทั้งสนามที่มีแฟน ๆ มาอย่างเนืองแน่น 3 ชั่วโมงก่อนเริ่มเขี่ยลูกนั้น ผู้เขียนก็สังเกตเห็นสิ่งหนึ่งเข้าซึ่งนั่นก็คือจำนวนแอตเลตี้(แฟนสโมสรแอตมาดริด)ที่สวมเสื้อ "หมายเลข 9" นั้นมีอย่างมากมายล้นหลามเหลือเกิน

  แฟน ๆ ของเฟอร์นันโด ตอร์เรสมีมากยิ่งกว่าอองตวน กรีซมันน์หรือมิดฟิลด์โกเก้ผู้เกิด เติบโตและเล่นให้สโมสรนี้เพียงหนึ่งเดียวมากกว่าด้วยซ้ำไป

  แม้ในเกมนั้นตอร์เรสจะไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนาม แต่ภาพบรรยากาศในวันนั้นจู่ ๆ มันก็ไหลพรั่งพรูขึ้นมาในหัวอีกครั้งจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อนักเตะหมายเลข 9 เริ่มอบอุ่นร่างกายในสนามเสียงของแฟน ๆ ต่างก็ดังกึกก้อง พวกเขาเริ่มตะโกนขับขานด้วยเสียงที่คุ้นหู แม้เกมในนัดนี้จะจบลงด้วยผลเสมอไร้ประตูก็ตาม เพราะฉะนั้นหากจะบอกว่าฉากดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดในวันนี้ก็คงจะไม่เกินเลยไปแต่อย่างใด

  แต่แล้วขวัญใจชาวแอตเลตี้ตัดสินใจถอดชุดของเขาออก

  เฟอร์นันโด ตอร์เรส ออกจากทีมที่ตัวเองเล่นมาโดยตลอดถึง 11 ฤดูกาล(หากนับสมัยเยาวชนด้วยก็จะเป็นทั้งหมด 16 ปี) มาเซ็นสัญญากับสโมสร Sagan Tosu เมื่อ 1 ปีก่อน จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายนเจ้าตัวก็อัพข้อควาทวิตเตอร์ที่ทำให้แฟน ๆ ช็อคเป็นอย่างยิ่งเมื่อประกาศว่า "ถึงช่วงเวลาที่จะจบการค้าแข้งตลอด 18 ปีแล้ว" นับเป็นข้อความสั้น ๆ ที่ช็อคทั้งโลกเป็นอย่างยิ่ง
 

  รังเก่าแอตเลติโกมาดริดที่ได้รับถ้อยคำดังกล่าวนั้นก็ส่งข้อความออกมาทันที

  "พวกเรากับคุณนั้นมีความสัมพันธ์เริ่มกันตั้งแต่สมัยยังเด็ก คุณกลายเป็นตำนานแล้ว ขอบพระคุณที่ชูธงแอตเลติโกไปทั่วทั้งโลก"

  ภาพที่แนบมากับข้อความดังกล่าวนั้นเข้าใจว่าน่าจะเป็นภาพของเด็กชายตอร์เรสในวัย 11 ปีที่ย้ายเข้าสโมสร

  แฟน ๆ หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความขอบคุณ ซาบซึ้งตกใจและผิดหวัง

  "นึกคำพูดไม่ออกเลย"
  "คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา"
  "ขอบคุณมาก ๆ เลย"
  "อยากให้คุณแขวนสตั๊ดอยู่ที่นี่"
  "คุณคือตำนานของแอตเลติโก"

  2 วันถัดมาหลังตำนานประกาศแขวนสตั๊ดเขาได้จัดงานแถลงข่าวขึ้นที่กรุงโตเกียว