――เปลี่ยนเรื่องหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าได้ดูการแข่งขันนัดแรกของทีมชาติไทยยุคกุนซือนิชิโนะหรือเปล่าครับ(เปิดบ้านรับการมาเยือนของเวียดนาม)
"ครับ ผมดูทางโทรทัศน์ครับ หากมองในมุมมองทีมชาติไทยล่ะก็ กุนซือนิชิโนะยังอยู่ในช่วงที่มีเวลาทำทีมเพียงน้อยนิด ต้องลองผิดลองถูกแล้วก็เตรียมทีมให้พร้อมในสภาพต่ำที่สุดเพื่อไปสู้กับคู่แข่งให้ได้ ก็ประมาณนั้นครับ"
――กุนซือนิชิโนะระบุว่า "หากองหน้าคนไทยลำบากมาก"
"ผมเองก็เห็นด้วยครับ(หัวเราะ) ในลีกมีแต่กองหน้าชาวต่างชาติ สภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่สามารถฟูมฟักกองหน้าคนไทยดี ๆ ได้หรอกครับ ต่อไปก็เป็นเรื่องของทีมพวกผม ด้วยสภาพแวดล้อมที่ส่งข้อความออกมาเช่นนั้นจึงทำให้ไม่มีการเสริมทัพกองหน้าในช่วงฤดูร้อนนี้เลยครับ ในทางตรงกันข้ามกันนั้นอยากจะเสริมสร้างผู้เล่นเกมรับให้แข็งแกร่งขึ้น เอาให้สามารถรับมือกองหน้าชาวต่างชาติได้เลย แต่มันก็เป็นการเดิมพันที่สูงมากเลยล่ะนะครับ(หัวเราะ) แต่ในเมื่อจุดยืนของผมได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลไทยแล้ว ผมก็อยากจะหลงเหลือเขี้ยวเล็บในความหมายที่ดีเอาไว้เพื่อจะเป็นอิทธิพลต่อการพัฒนาในอนาคตของพวกเขาต่อไปในทุก ๆ วันครับ"
――ได้ให้คำแนะนำอะไรกับกุนซือนิชิโนะในฐานะกุนซือเหมือนกันไหมครับ?
"เอาเขากับผมมาเทียบกันแบบนี้เสียมารยาทนะครับ(หัวเราะ) เพียงแต่ผมก็บอกไปว่าอย่าได้ทอดทิ้งหลักการปรัชญาของตนเอง อยากให้ปรับใช้กับแนวคิดและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของไทย พร้อมกับคงรักษาไว้ซึ่งแพชชั่น... ในฐานะที่เป็นคนญี่ปุ่นบ้านเดียวกันที่มาเป็นโค้ชในเมืองไทยนั้น หวังว่าพวกเราจะคอยเป็นแรงกระตุ้นให้กันและกันและร่วมพยายามด้วยกันได้คงเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยเลยครับ"
――◆――◆――
ในการสัมภาษณ์หนนี้ได้ยินคำศัพท์ "การปรับใช้(adjust)" จากปากของกุนซือมุรายามะหลายต่อหลายครั้ง คำนี้ถ้าแปลตรง ๆ ก็จะได้ความหมายว่า "การปรับใช้/การแก้ไข/การรับมือ" ในฐานะผู้เขียนแล้วก็ค่อนข้างได้ภาพลักษณ์ของสุภาษิต "เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม" ที่สุดกระมัง
หากนักเตะชาวไทยเข้าถึงขุมกำเนิดของปรัชญาการฝึกสอนแบบญี่ปุ่น เมื่อพวกเขาตัดสินใจตั้งมั่นที่น้อมรับและมีพลังในการ "ปรับใช้"กับตัวเองได้ล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมีทีมไทยสุดแข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาจนเป็นการปฏิวัติยุคสมัย
การจะจดจำชื่อของสมุทรปราการซิตี้ให้ได้นั้นคงไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรเลย จากนี้ต้องเพ่งความสนใจกับสโมสรนี้ต่อไป
ข่าวโดย ซาซากิ ยูสุเกะ