――เข้าใจแล้วครับ แล้วมีจุดตรงไหนที่ให้คำแนะนำและฝึกสอนยากเป็นพิเศษไหมครับ?
  "วัฒนธรรมในประเทศนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับฟุตบอลด้วยครับ แล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะบอกให้เหล่านักเตะรู้แต่ไม่สามารถบอกให้พวกเขาเข้าใจได้ ผมสัมผัสได้ถึงความลำบากในการเข้าใจกันและกันมากเลยครับ แล้วก็ยังมีเรื่องการเข้าหาครึ่งทางกับพวกเขาที่มีจิตใจยังไม่แข็งแกร่งทนทานสักเท่าไรด้วยครับ วันวานในแต่ละวันนั้นยังอยู่ในช่วงที่ลองผิดลองถูกอยู่"

――ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตอนนี้ก็ได้อันดับ 5 ของลีก ทุกคนต่างก็ยอมรับในความพยายามกันหมดเลยนะครับ
  "สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการฟุตบอลไทยนั้น หลายคนก็จะชอบบอกว่า "นักเตะไทยที่สมุทรปราการนั้นดีหมดเลย" แต่ท่ามกลางทีม Top5 ของตารางในตอนนี้ทีมของพวกเรามีงบทำทีมและอายุนักเตะน้อยที่สุดแล้วครับ การจะเอาชนะให้ได้นั้นขึ้นอยู่กับการนำปรัชญาของสโมสรเอามาใช้ ผมสัมผัสได้ว่าเวลานักเตะไทยครองบอลนั้นมีพลังในการท้าทายมากกว่าญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ก็ยังมีเรื่องของการดวลกับฝั่งตรงข้ามที่ยังขาดเรื่องทักษะในการตัดสินใจส่วนบุคคล แล้วก็สติพึงระวังในเกมรับยังต่ำด้วยครับ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงใช้การฝึกสอนกับทีมชุดใหญ่ในแบบฉบับที่ญี่ปุ่นนั่นเองครับ"

――เมื่อสักครู่นี้ผมเห็นเจ้าของสโมสรที่ริมสนามด้วย
  "ใช่ครับ เขามาดูการซ้อมทุกวัน เจ้าของสโมสรมักจะถามผมว่า "คุณมุรายามะเนี่ยเป็นคนญี่ปุ่นถึงได้อดทนได้ใช่ไหมครับ?" นั่นแหละครับ(หัวเราะ) สรุปง่าย ๆ คือทฤษฎีการฝึกสอนของญี่ปุ่นนั้นจะสามารถ "ปรับใช้(adjust)" กับสไตล์ไทยได้หรือไม่ ผมเลยคิดว่านั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของที่นี่ครับ เพราะฉะนั้นผมจึงซาบซึ้งต่อเจ้าของสโมสรมากจริง ๆ ที่เข้าใจสภาพแวดล้อมของการฝึกซ้อมถึงขนาดนี้จึงทำให้ผมได้รับเกียรติให้ทำงานนี้ครับ"

――หากทีมยังพัฒนาไปข้างหน้าต่อเนื่องล่ะก็ คงมีแฟน ๆ หรือผู้เกี่ยวข้องจากญี่ปุ่นให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นสินะครับ
  "พูดตามตรงแล้ว ผมไม่แคร์เรื่องความสำเร็จส่วนตัวของผมอยู่แล้วครับ การที่โค้ชจำนวนมากในญี่ปุ่นปรายตามองและให้ความสนใจในตลาดเอเชีย หากผมนำเอาประสบการณ์ที่ตัวเองประสบพบเจอกลับไปที่ญี่ปุ่นก็จะเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลญี่ปุ่นให้ดียิ่งขึ้น ในตอนนี้ผมก็เพียงแค่เอาสิ่งที่ผมสัมผัสได้มาร่วมแบ่งปันกับทุก ๆ คนให้ดีที่สุดเท่านั้นเองครับ"