ณัฐวุฒิผู้กล่าววาจาดังกล่าวออกมาในนัดสุดท้ายนั้นใบหน้าของเขาช่างสดใสเหลือเกิน เขาสามารถเรียกความมั่นใจที่ญี่ปุ่นได้สำเร็จแล้ว
ในศึกโตเกียวโอลิมปิกที่จะมาถึงในปีหน้านี้ ณัฐวุฒิที่เกิดในปี 1997 นั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะร่วมศึกในครั้งนี้ด้วย โดยในทีมชาติไทยรุ่น U-23 ที่นำโดนกุนซือชาวญี่ปุ่นนั้น ก็ไม่ทราบได้เหมือนกันว่าเขาพอทราบถึงเรื่องราวการมาท้ายทายโตเกียวในปี 2019 ของณัฐวุฒิที่ผ่านมานี้หรือไม่ หากการจัดทีมในทัวร์นาเมนต์เอเชียรุ่น U-23 ในเดือนหน้าที่จะมาถึงกุนซือนิชิโนะลำบากใจในการเลือกนักเตะล่ะก็ ส่วนตัวผู้เขียนก็อยากจะสนับสนุนตัวของณัฐวุฒิคนนี้
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้มีความสามารถในการจบสกอร์ระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่กระนั้นณัฐวุฒิก็มีบุคลิกของตัวเอง เขาเปรียบเสมือนกับน้ำมันหล่อลื่นชั้นเลิศที่สามารถเติมเต็มเกมรุกให้ลื่นไหลได้มากกว่านี้ มิหนำซ้ำเขายังใช้ชีวิตภายในประเทศญี่ปุ่นที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้โดยไม่มีล่ามแปลให้ ซึ่งนั่นก็เปรียบเสมือนอาวุธใหม่ของเขาที่สั่งสมมาตลอดหนึ่งปีโดยไม่มีใครสามารถตั้งข้อครหาได้ โดยในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพเพื่อคัดเลือกโควต้าไปแข่งในศึกโอลิมปิกปีหน้านั้น ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าณัฐวุฒิจะกลายเป็นอาวุธลับของทีมชาติไทยรุ่น U-23 ได้หรือไม่
นักเตะผู้ได้รับลายเซ็นรับรองจากกุนซือฮาเซกาวะแห่ง FC Tokyo ซัด 2 ประตูแห่งความทรงจำในนัดสุดท้าย... หนุ่มน้อยคนไทยที่มาค้าแข้งในเจลีกนั้นจะได้เยือนศึกโตเกียวโอลิมปิกหรือไม่?
カテゴリ:Jリーグ
2019/12/17
ณัฐวุฒิที่เป็นหนึ่งในนักเตะอยู่ในเกณฑ์เข้าร่วมศึกโตเกียวโอลิมปิก เขาจะสามารถคว้าตั๋วสุดท้ายในฐานะทีมชาติไทยสู่โตเกียวได้หรือไม่

ณัฐวุฒิที่ทักทายกับแฟน ๆ ในการแข่งขันนัดสุดท้าย เจ้าตัวระบุว่าหากมีโอกาสล่ะก็ตัวเองก็อยากจะกลับมาค้าแข้งที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง
ภาพโดย: ซาซากิ ยูสุเกะ
ในขณะที่กำลังจะเดินทางออกจากสนามโคมะซาวะนั้น เมื่อผู้เขียนถามถึงเรื่องราวต่อจากนี้ของเขาไปเจ้าตัวก็ตอบว่ามีเพียงแต่การเดินทางกลับสโมสรบางกอกยูไนเต็ดเท่านั้น พอได้ฟังประโยคดังกล่าวแล้วผู้เขียนจึงขอถามคำถามลำดับสุดท้ายไป "ถ้าหากว่ามีโอกาสล่ะก็อยากจะกลับมาเล่นที่ญี่ปุ่นอีกครั้งหรือไม่" ซึ่งทางณัฐวุฒิก็ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและหนักแน่นว่า
"ครับ ถ้ามีโอกาสก็ดีครับ"
ข่าวโดย ซาซากิ ยูสุเกะ