หากฤดูกาลนี้กลุ่มหัวตารางเบียดกันที่หลัก 60 คะแนนล่ะก็ อุราวะยังพอมีลุ้นอยู่บ้าง แต่หากขึ้นถึงเพดานที่หลัก 70 คะแนน บางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นงานช้างของอุราวะมากเกินไป
ส่วนอีกฟากหนึ่งที่ทางคาชิมะนั้น ทางคาชิมะถือว่าเป็นทิศตรงกันข้ามกับอุราวะเลย แม้ทีมจะเสียนักเตะคนสำคัญอย่างโชจิ เกนและนิชิ ไดโกไปก็ตามแต่ก็ไม่ได้มีการเสริมทัพเพิ่มเติมอะไรนัก แต่ถ้ามองถึงตัวนักเตะที่เล่นกันจนคุ้นเคยและขาดไปไม่กี่ตำแหน่งนั้นก็ทำให้ภาพรวมของทีมไม่ได้อ่อนแอลงนักเลย ทว่าการจะครองตำแหน่งจ่าฝูงได้นั้นจะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกคนละประเด็น
อีกทั้งการที่โชจิ เกน ผู้เป็นหน้าเป็นตาของสโมสรและเป็นหนึ่งในกระดูกสันหลังของทีมได้จากไปนั้นนับได้ว่าเป็นความเสี่ยงในแง่ของทางฝั่งบริหารอีกด้วย ไหนจะมีเรื่องของการที่โอกาซาวาระ มิตสึโอะ นักเตะเสาหลักคนสำคัญของทีมที่แขวนสตั๊ดไปแล้วเช่นกัน ในยามที่ทีมล้มแล้วจำเป็นต้องลุกนั้นคาชิมะจะสามารถฝ่าฟันได้หรือไม่
เพราะฉะนั้นหากมองในแง่มุมดังกล่าวแล้วหากเทียบกันกับคู่แข่งรายอื่นล่ะก็คาชิมะดูจะอ่อนแอกว่า หากเอาเข้าจริง ๆ ถ้าทีมจำเป็นต้องสู้กันถึงหลัก 70 คะแนนล่ะก็ ไม่เพียงแต่คาชิมะเท่านั้นแต่อุราวะเองก็น่าจะประสบปัญหาในการต่อกรกับภูผาสุดแข็งแกร่งอย่างคาวาซากิอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้วคือสโมสรโกเบที่น่าจับตามอง ในฤดูกาลนี้แม้จะมีการเสริมกำลังนักเตะบิ๊กเนมไม่ว่าจะเป็นดาวิด บีย่า, ยามากุจิ โฮตารุและนิชิ ไดโกเข้ามาร่วมทีมก็ตาม แต่ก็ยังพูดได้ว่าในสภาพปัจจุบันของทีมนั้นยังคงไม่ได้รับการเสริมทัพมากเพียงพอ การไม่สามารถคว้าตัวอาเดรียโน่และมาร์ติน คาสเซสต์เข้ามาเติมตำแหน่งแบ็คซ้ายและเซนเตอร์แบ็คคนขวาได้นั้น ก็ทำให้ตำแหน่งสำคัญยังคงมีที่ว่างอยู่ บางทีโกเบอาจจะรอให้ถึงช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนที่จะทำให้สามารถคว้าตัวนักเตะยุโรปมาเพิ่มได้ ทว่ากว่าจะถึงเวลานั้นก็ยังรู้สึกหวั่นใจเหลือเกินว่าทีมจะมีเสถียรภาพสักเท่าไรกัน
ตัวเก็งใน J-League 2019 คือทีมไหนกัน? หากดูจาก "องค์ประกอบ" แล้วผลคือคาวาซากิและชิมิซุ
カテゴリ:Jリーグ
2019/02/22
นาโกย่ามีตัวนักเตะที่ดี แต่การจะขึ้นหัวตารางให้ได้นั้นก็นับว่ายากเอาการอยู่
แต่หากมองในแง่ดีล่ะก็ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหลังนั้นล้วนแต่เป็นนักเตะญี่ปุ่นทั้งหมด การประสานงานน่าจะไหลลื่นไม่ติดขัด การมีนักเตะอย่างโอซากิ ลีโอนั้นอาจจะทำให้สามารถปั้นเกมรุกและบุกสวนกลับ รวมถึงนักเตะรุ่นเยาว์หลายคนที่อยู่ภายใต้การกำกับของกุนซือลิลโล่ผู้มากประสบการณ์อาทิ มิยะ ไดกิ, ฮัตสึเสะ เรียว และ โคบายาชิ ยูกิ พวกเขาอาจจะเติบโตจนกลายเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นได้ แม้ภาพรวมเราจะเห็นว่ากุนซือเน้นการเล่นเกมต่อบอลกันสวยงามก็ตาม ทว่าในแง่ของเกมรับนั้นกุนซือลิลโล่ก็ให้คำสั่งอย่างละเอียดยิบ หลายครั้งที่เขาออกคำสั่งก็ส่งผลโดยตรงกับรูปแบบของสไตล์การเล่นทันทีอีกด้วย
แม้ทีมจะไม่สามารถสร้างผลงานอันสุดสวยหรูได้ตั้งแต่ช่วงแรกก็ตาม แต่ถ้าคอยสะสมชัยชนะจนเรียกความมั่นใจขึ้นมาได้ล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าโกเบจะต้องเติบโตจนกลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งแน่ มีโอกาสที่นักเตะประสบการณ์จะเติบโตทันช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลจนพร้อมใช้งาน จนกระทั่งเมื่อทีมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งนั้นจะนำพาไปสู่อนาคตที่ทางสโมสรตั้งเป้าเอาไว้ที่มีความหมายอย่างแน่นอน หากโกเบสามารถฝ่าคลื่นที่เรียกว่าช่วงต้นฤดูกาลในล่ะก็ จะมีแต่อนาคตเรืองรองที่เฝ้ารออยู่
นอกจากนั้นทางนาโกย่าก็เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่มีการเสริมทัพนักเตะในเกมรุกอย่างดุดัน แทบจะระบุได้เลยว่าสภาพเกมรุกของทีมนั้นอยู่ในระดับที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ทว่าหลังการปรับทีมในช่วงกลางฤดูกาลนั้นแม้จะทำให้อันดับนาโกย่าพุ่งพรวดมาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตกต่ำลงจนเกือบตกชั้นอีกรอบ ตอนนี้ยังมองไม่เห็นถึงเสถียรภาพของสโมสรเท่าไรนัก แม้จะเป็นกลุ่มนักเตะที่ดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมากมาย แต่การจะคว้าตำแหน่งหัวตารางให้ได้นั้นยังคงเป็นงานที่ยากเกินตัวกระมัง