กุนซือโจฟุคุกล่าวว่า "ผู้เล่นที่ถูกส่งมาในระหว่างการแข่งขันนั้นจะปรับจังหวะให้เข้ากับทีมได้ยากมาก กล่าวได้ว่าจำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะเลยก็ว่าได้ครับ ตัวอย่างเช่นนากายมะ กอน(นากายามะ มาซาชิ) ที่ถ้าเกิดต่อให้ได้เวลาลงสนามแค่ 5 นาทีก็ยังสามารถใช้ 5 นาทีนั้นแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเรื่องแบบนี้มันไม่ง่ายเลย" แต่กระนั้นก็ยังเสริมต่อว่า "เพียงแต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำตรงนั้นได้ล่ะก็ครั้งหน้าก็จะไม่ได้รับเวลามากขึ้น โดยเฉพาะกับนักเตะอายุน้อยนั้นผมอยากให้พวกเขาต้องลองท้าทายในจุดนี้ อยากให้ลองแสดงออกทุกสิ่งที่ตัวเองมีในเวลาที่ได้รับครับ"
 
  การแข่งขันในช่วงแรกของ J1 จบด้วยการนำห่าง FC Tokyo ที่สองอยู่ทั้งหมด 7 คะแนน เพียงแต่ว่าการแข่งขันที่เหลืออยู่ต้องกลายเป็นทิศทางที่ตรงกันข้ามกับช่วงครึ่งปีแรกแน่ มีหลายทีมที่คิดหากลยุทธ์ใหม่จนทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างนาโกย่า หลายทีมต่างก็ต้องการเร่งความเร็วเพื่อไล่กวดฮิโรชิมะให้ทันอย่างแน่นอน


   และเพื่อการจะทิ้งห่างคู่แข่งเหล่านั้นให้ได้กุนซือโจฟุคุจึงตั้งใจจะเสริมทัพของ 11 ผู้เล่นหลักด้วยผู้เล่นทั้ง 3 คนในกรณีเช่นนี้นั่นเอง แม้จะถูกส่งลงแข่งในระหว่างเกมก็ตามแต่ก็ต้องเล่นประสานงานเพื่อคว้าชัยชนะให้กับทีมให้ได้ พวกเขาเหล่านั้นต้องคว้าตำแหน่งได้ด้วยความสามารถของตนเอง เหล่านักเตะที่โดนแย่งตำแหน่งไปก็ต้องตั้งใจจริงเพื่อทวงตำแหน่งคืนกลับมา หากยังสามารถรักษาวัฒจักรเหล่านั้นได้ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของฮิโรชิมะก็ต้องคงอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน

  ผู้ที่อยากให้ทะลวงกำแพงดังกล่าวให้ได้ก่อนนั้นคือคาวาเบะ "เขาเริ่มชินกับการถูกส่งลงมาในระหว่างเกมแล้ว ช่วงหลังมานี้เริ่มได้กลิ่นของการนำประตูแล้วด้วย ผมอยากจะให้เขาทำแบบนี้ต่อไปครับ" กุนซือโจฟุคุกล่าวถึงเจ้าหนูหมายเลข 36 ที่เป็นกุญแจสำคัญในครึ่งปีหลังออกมา
 
  แน่นอนว่าตัวของ Besart Berisha ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ได้รับความคาดหวังสูงเช่นกัน แม้ศูนย์หน้าที่ย้ายมาญี่ปุ่นด้วยความกระหายในการทำประตูจะยังไม่ได้ลงสนามมากนักก็ตาม แต่แค่การมีตัวตนของเขาก็ทำให้ "บรรยากาศในทีมเปลี่ยนไป" เลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นคือบรรยากาศที่กุนซือโจฟุคุปรารถนา
  บางทีในการแข่งขันนัดถัดไปที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม Urawa Red Diamonds นั้น หากรูปเกมยังเหมือนเดิมล่ะก็ กุนซือโจฟุคุต้องส่ง Berisha ลงสนามอย่างไม่ผิดแน่นอน 

ข่าวโดย เทราดะ ฮิโรยูกิ