หลังจากเสริมทัพอย่างแข็งแกร่งในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาแต่ทีมฮิโรชิมะก็จบการแข่งขันด้วยผลเสมอ 0-0 แต่กระนั้นกุนซือโจฟุคุก็ยังชื่นชมที่ยังคว้าแต้ม 1 คะแนนมาได้
 
  "เป็นเรื่องปกติที่จะคว้า 1 แต้มได้หลังจากการพลาดโอกาสไปหลายครั้ง การได้ 1 คะแนนไม่ใช่ 0 ก็คู่ควรต่อการเชยชมแล้ว" 

  การพ่ายแพ้ในเกมการแข่งขันกับทีม Cerezo Osaka ซึ่งเป็นเกมที่ 15 ของลีคก่อนที่จะพักครึ่งไปนั้น ทีมได้บทเรียนราคาแพงเรื่องการใช้โอกาสได้อย่างไม่คุ้มค่า ซึ่งทางกุนซือก็ใช้บทเรียนนี้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้โนกามิ ยูกะจะมาเป็นตัวแทนของคาซึฮิโกะ จิบะที่ได้รับบาดเจ็บไปก็ตาม แต่เกมรับก็ยังไม่เสียรูปกระบวนแต่อย่างไร ผลการแข่งขัน 0-0 ก็ยังคู่ควรต่อการเชยชม
  
  นอกจากนั้นการเสริมทัพอย่างหนักหน่วงในช่วงตลาอดที่ผ่านมานั้นก็ยังช่วยทีมในวิกฤติจนได้รับชัยชนะมาหลายต่อหลายครั้ง โดยทางกุนซือโจฟุคุให้ความเห็นว่า "ถ้านักเตะที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาไม่มีความสามารถสูงล่ะก็ การจะคว้า 3 คะแนนให้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง" 
  

  ในเกมการแข่งขันที่กดดันและสกอร์คงอยู่ที่ 0-0 กับทีมนาโกย่านั้น กุนซือโจฟุคุส่งนักเตะ 3 เพื่อตั้งใจเล่นเกมรุก "ผมตั้งใจจะเพิ่มความเร็วในเกมบุกบริเวณหน้ากรอบเขตโทษครับ" ซึ่งได้ส่งทั้งธีรศิลป์และคาวาเบะ ฮายาโฮะไปด้วยเหตุผลนั้น พร้อมยังมอบโอกาสให้กับโมริชิมะ "เขาเป็นคนขยันฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา" ในการลงเตะในนัดนี้ด้วย

  การเปลี่ยนตัวของเขานั้นไม่มีอะไรให้ติติงเป็นพิเศษ ธีรศิปล์ที่ถูกส่งลงมาก็สามารถสร้างโอกาสได้หลายต่อหลายครั้งในฐานะที่เป็น "นักเตะผู้สามารถนำทีมคว้าชัย" ได้ ส่วนทางคาวาเบะก็สามารถทำหน้าที่ของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม ท้ายที่สุดคือโมริชิมะที่ถึงแม้จะลงสนามมาแค่ 5 นาทีก็ตามจนไม่มีอิมแพ็คอะไรกับเกมมากนัก แต่เขาก็ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารผู้เล่นในทีมคนหนึ่งถึงทำการซื้อตัวมาในหนนนี้ แม้กาารส่งทั้ง 3 คนลงไปในสนามก็ไม่ได้ก่อให้เป็นประตูแต่อย่างใดก็ตา
  

  ทั้งธีรศิลป์ คาวาเบะและโมริชิมะนั้นเป็นนักเตะที่เรียกว่าแนว Forerunner Type พวกเขาไม่เหมือนกับอาซาโนะ ทาคุมะ ผู้ออกจากทีมไปค้าแข่งกับลีคต่างชาติด้วยอาวุธติดตัวอันแพรวพราว แต่ทั้งสามเป็นนักเตะที่เล่นตามแทกติคและสามารถใช้ทักษะของตนเองออกมาได้เพื่อทะลวงช่องว่างในเกมการแข่งขันนั่นเอง