―――ช่วงตลอดเวลา 9 ปีที่ผ่านมาได้ค้าแข่งกับทั้งหมด 5 สโมสร แล้วตอนนี้ก็อยู่ในลีค 3 ด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่เป็นเหมือนกับเรือที่แล่นได้อย่างราบรื่นเลยสินะครับ
"ไม่เลยครับ ผมได้รับบาดเจ็บด้วย ที่ว่าเรือราบรื่นนั้นไม่ใช่เลยล่ะครับ ฤดูกาลที่สร้างผลงานได้ดีนั้นก็มีปีแรกในไทยกับทีมศรีราชา แล้วก็ปีที่ 2 กับทีมบางกอกกลาสที่ถูกเลือกให้เป็น Best11 ของผู้เล่นที่ดีที่สุดในลีคของปีนั้นครับ ความสำเร็จในวันนั้นยังคงได้รับการเชยชมจนถึงทุกวันนี้เลย"
―――ผลงานของคุณกับทีมบางกอกกลาสเนี่ย แม้กระทั่งผมเองก็ยังรู้สึกได้ว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
"ทีมงานของบางกอกกลาสกล่าวชมมากเลยครับ มีบางคนบอกให้ผมโอนสัญชาติเลย(หัวเราะ) ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าเขาพูดจริงพูดเล่นแค่ไหน แต่ถ้าถึงขั้นชมผมขนาดนั้นล่ะก็มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเลยล่ะครับ"
―――คิดยังไงกับการที่ถูกรอบข้างเรียกเป็น "KING" บ้างเหรอครับ?
"อื้ม ว่าไงดีล่ะครับ ผมก็ยังไม่เคยคว้าแชมป์อะไรกับทีมมาก่อนด้วย บางทีพวกเขาอาจจะเคารพผมเพราะว่าเตะฟุตบอลมานานล่ะมั้งครับ(หัวเราะ) แต่ผมเองก็อยากเป็นตัวตนเหมือน KING KAZU อยู่เหมือนกันนะครับ การที่ได้เล่นฟุตบอลมานานจนได้รับการเคารพยกย่องแบบนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่างซื่อตรงเลยครับ"
―――ช่วงหลังมานี้นักเตะไทยสวนทางกลับคุณซารุตะ มีาหลายคนที่ไปค้าแข้งกับทีมญี่ปุ่นเยอะมาก
"นั่นสินะครับ อย่างชนาธิปก็เป็นนักเตะร่างเล็กเหมือนกันกับผม จึงทำให้ผมรู้สึกได้เป็นอย่างดีเลยครับ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากเลย ยิ่งการที่เขาถูกจับตามองก็ยิ่งทำให้รู้ว่าอะไรหลาย ๆ อย่างมันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยครับ เมื่อปีก่อนที่ได้แข่งกับทีมเมืองทองแล้วตอนจบการแข่งขันจะขอแลกเสื้อกันนั้นเขาก็ตอบว่า "ขอโทษด้วยครับ มีคนจองไว้แล้ว" ด้วยครับ จำได้ว่าตอนสมัยที่เขาเพิ่งเปิดตัวใหม่ ๆ เขายังมาบอกผมว่า "ผมชื่นชอบคุณมากเลยครับ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ" อยู่เลย กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ตรงกันข้ามกันแล้วล่ะครับ(หัวเราะ)"
――◆――◆――
"โค้งหัวลงต่ำดั่งรวงข้าวที่โตพร้อมเก็บเกี่ยว"
สมัยตอนอยู่ชั้นประถมที่ยังเป็นเด็กอวดดีนั้น พอกลับมาถึงบ้านก็ถูกแม่บังคับให้ใช้ปากกาเขียนพู่กันเกี่ยวกับ "ภาษิตพังเพย" อยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งนั่นคือการเคี่ยวเข็ญของแม่ที่ทำเพื่อปราบเด็กอวดดีอย่างซารุตะในสมัยนั้น
จนกระทั่งเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวสุดท้ายของวัยมัธยมปลาย ตอนที่ทีมแพ้ให้กับการแข่งขนทัวร์นาเมนต์นั้น แม่ก็ยังเขียนจดหมายแสดงถึงความเห็นใจส่งมาให้อีกด้วย
ช่วงเวลาแห่งการสัมภาษณ์ที่ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงนั้นทำให้ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึก "ซาบซึ้ง" ต่อครอบครัวและพวกพ้องของเขาเป็นอย่างยิ่ง แม้ช่วงที่ค้าแข้งอยู่จะมีพลิกผันบ้างก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในจิตใจของเขาเสมอ แม้จะมีความสำเร็จและชื่อเสียงมากมายก็ยังเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน บางทีนี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาถูกยกย่องเป็น "KING" ต่อเนื่องอย่างไม่เสื่อมคลายก็เป็นได้
อยากจะรู้เหลือเกินว่า ในปีที่ 10 ที่อยู่เมืองไทยของนักเตะคนนี้นั้น เขาเลือกที่จะรับบททดสอบแบบไหนกันแน่
■ประวัติ
ซารุตะ ฮิโรโนริ
เกิดปี 1982 จังหวัดฮิโรชิมะ เป็นหัวใจสำคัญในสโมสรฟุตบอลของโรงเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมปลายถึงมหาลัย เขาจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปี 2005 แล้วเป็นนักเตะของทีม Ehime FC จนทีมได้รับโปรโมทขึ้นเป็น J2
ในปีแรกที่ Ehime FC ได้เลื่อนชั้นขึ้นลีค J หรือปี 2006 นั้นเขาก็ทำประตูแรกของทีมพร้อมกับชัยชนะครั้งแรกให้กับทีมเช่นกัน บางทีเร่องราวเหล่านี้อาจจะยังเป็นที่จดจำของกองเชียร์ Ehime อยู่จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้
จากนั้นก็ย้ายมาที่สิงคโปร์ แล้วก็ย้ายมาเมืองไทยในปี 2009 ซารุตะได้เป็นนักเตะ 5 สโมสรและโชว์ผลงานนักเตะสำรองที่เสถียรภาพสูงให้เห็นเป็นขวัญตาหลายต่อหลายครั้ง
ฝีมือของเขาเป็นที่โด่งดังจนทำให้นักเตะญี่ปุ่นได้รับการเชยชมในภาพรวมอยู่จนถึงทุกวันนี้
กล่าวได้ว่าเขาคือนักเตะญี่ปุ่นรุ่นบุกเบิกในประเทศไทย ทุกวันนี้เขาก็เป็นคุณพ่อสุดที่รักของภรรยาแสนสวยและลูกทั้งสองอีกเช่นกัน
ข่าวและภาพโดย ซาซากิ ยูสุเกะ