วันที่ 9 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น การแข่งขันลาลีกานัดที่ 13 บาร์เซโลน่าชนะเซลต้า 4-1

  ผู้ที่มีส่วนสำคัญให้บาร์ซ่าชนะอย่างถล่มทลายนั้นคือหัวหอกของทีมอย่างลิโอเนล เมสซี่ที่ทำแฮตทริกในนัดนี้ได้ โดยเป็นประตูจากลูกโทษหนึ่งลูกและฟรีคิกอีก 2

  ลาลีกานัดก่อนบาร์ซ่าก็แพ้ต่อ Levante อย่างสุดพลิกล็อค ส่วนเกมกลางสัปดาห์เวที UEFA Champions League นั้นก็เจอทีมรองบ่อนอย่าง Slavia Praha แต่ก็เสมอกันแบบไม่มีประตู จนมีข่าวลือว่าอาจจะปลดกุนซืออย่างเอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ทว่าท่ามกลางสโมสรบาร์เซโลน่าที่มีแต่บรรยากาศอึมครึมนั้นก็เป็นเสาหลักอย่างเมสซี่ที่ปัดเป่าทุกอย่างให้หายไปจนหมดสิ้น

  สื่ออเมริกาอย่าง ESPN ระบุว่า กุนซือคนใหม่ที่เพิ่งได้เข้ามาคุมทีมอย่าง Óscar García ก็ระบุว่า "ถ้ามีเขาอยู่ล่ะก็ไม่สามารถคุมเกมได้จริง ๆ" เป็นการกล่าวยกย่องขนาดนั้น

  "ไม่สามารถควบคุมเขาได้เลย แค่มีเขาอยู่แผนที่วางเอาไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น"

  จากนั้นกุนซือการ์เซียก็ยังระบุว่า "อัตราการยิงฟรีคิกนั้นสุดยอดมาก เปอร์เซ็นมันสูงมากจริง ๆ นอกจากนั้นยังไม่สามารถป้องกันไม่ให้เสียฟรีคิกได้อีกด้วย แค่เขาคนเดียวก็เปลี่ยนเกมได้แล้ว" มีแต่คำชื่นชมเมสซี่เท่านั้น

  "ถ้าไม่มีเขาล่ะก็เกมคงเป็นแบบอื่นไปแล้ว บางทีพวกเราอาจจะชนะก็เป็นได้ เขาคือคนเดียวที่จัดสรรให้ทุกอย่าง ทุกครั้งที่เขาได้บอลก็จะรู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จังหวะเซ็ตเพลย์นี่ควบคุมไม่ได้จริง ๆ เลย"

  ทางฝั่งของบัลเบร์เด้ก็ชื่นชมเช่นกัน "ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะไม่พึ่งเมสซี่" จากนั้นก็กล่าวชื่นชมเสาหลักของทีมดังนี้

  "พวกเราต้องพึ่งพาลีโอ ไม่ว่าลีโอจะอยู่ทีมไหนก็สามารถพึ่งเขาได้หมดแน่ เขาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างส่องสว่างขึ้นมาเอง ถ้ามีลีโออยู่ล่ะก็ไม่ว่าจะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"

  แม้เมสซี่จะหายไปในช่วงต้นฤดูกาลจากอาการบาดเจ็บก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยิงประตูลูกที่ 8 จากการแข่งขันทั้งหมด 5 นัดมาแล้ว ปัจจุบันตามหลังดาวซัลโวอย่างเบนเซม่าเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าหัวหอกแห่งบาร์ซ่านั้นจะไปได้สูงกว่านี้อีกหรือไม่ เหตุการณ์ต่อจากนี้ห้ามพลาดเป็นอันขาดเลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest