ไม่ว่าจะที่ไหนในโลกก็ย่อมมีความสัมพันธ์กับรุ่นน้อง ผู้ใหญ่และผู้น้อยกันหมด แน่นอนว่าแวดวงฟุตบอลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

  มีนักฟุตบอลอยู่หนึ่งรายที่สารภาพถึงเรื่องราวดังกล่าวออกมา เขาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น Nicklas Bendtner อดีตศูนย์หน้าทีมชาติเดนมาร์ก ปัจจุบันนี้เจ้าตัวเล่นอยู่กับสโมสร Copenhagen ในประเทศบ้านเกิด ดาวยิงผู้นี้เคยมีประสบการณ์การค้าแข้งกับทั้งอาร์เซนอลและยูเวนตุสมาก่อน

  เบนท์เนอร์ที่เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองออกมานั้น เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่ออังกฤษอย่าง Guardian โดยพูดถึงการที่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในปี 2005 จากในสมัยนั้นที่ยังเล่นอยู่กับอคาเดมีอยู่

  ในสมัยนั้นคือช่วงยุคทองของอาร์เซนอลอย่างแท้จริง ยอดกุนซืออย่างอาร์เซน เวนเกอร์ปั้นทีมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ โดยมีเสาหลักตั้งแต่เทียรี่ อองรี ตามไปด้วย โซล แคมพ์เบล, แอชลีย์ โคล, โรแบร์ ปิแรส, เดนิส เบิร์กแคมพ์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่และเชสก์ ฟาเบรกัสเป็นต้น นับเป็นการรวมตัวของขุนพลยอดนักเตะที่อยู่กันอย่างมากหน้าหลายตา

  ตัวของเบนท์เนอร์ในตอนนั้นที่อายุเพียง 17 ปีนั้นเขาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่อย่างรากเลือด แต่แล้วในวันหนึ่ง ในช่วงการฝึกของทีมที่อนุญาตให้สัมผัสบอลได้เพียงแค่สองครั้งนั้นก็มีการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างตัวของเขากับเสาหลักของทีมอย่างอองรี

  เบนท์เนอร์ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวว่า

  "ในตอนนั้นผมเพิ่งอายุ 17 ปีเอง ผมจะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง มันก็เลยมีบางครั้งที่ทำให้ผมลืมไปว่านี่คือช่วงเวลาที่ตัวเองจะได้ฟาดแข้งกับเหล่าสตาร์ แต่ก็มีการฝึกซ้อมครั้งหนึ่งที่เล่นกัน 11 ต่อ 11 ที่อนุญาตให้นักเตะแต่ละคนสัมผัสบอลได้เพียงสองครั้งเท่านั้น พอผมเห็นอองรีสัมผัสบอล 3 ครั้งเลยตะโกนว่า "3 ครั้งแล้ว" ใส่เขาไป

  ทันใดนั้นผู้ช่วยโค้ชอย่างแพท ไรซ์ก็บอกว่า "ช่างมัน เล่นต่อไป!" ส่วนทางอองรีที่ได้ยินคำพูดของผมก็ยกนิ้วชื่อขึ้นจรดริมฝีปาก "ชู่!" ใส่ผมด้วย

  ภายหลังจากนั้นผมก็ทำแบบเดิมไป แต่ผมก็ทนไม่ไหวจริง ๆ ถ้านักเตะอคาเดมีทำแบบนั้นต้องโดนลงโทษแน่ ตัวผมที่หงุดหงิดในตอนนั้นก็เลยบ่นไป "ทุกคนต้องเท่าเทียมกันไม่ใช่เหรอ" เสร็จแล้วอองรีเลยบอกผมว่า "เงียบไป" ผมโดนต่อว่าเยอะมาก ซึ่งผมรับไม่ได้เลยสวนไปว่า "คนที่ควรเงียบน่ะคือนายต่างหาก!" นั่นแหละครับ"