ผู้มีส่วนร่วมในการคว้าตัวธีรศิลป์ที่ฮิโรชิม่า สนใจในฟุตบอลไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
กุนซือมุรายามะแห่งสโมสรสมุทรปราการซิตี้ ผู้นำทีมให้ผลงานในฤดูกาลนี้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
ภาพโดย: ซาซากิ ยูสุเกะ
อีกเพียง 5 นัดการแข่งขันโตโยต้าไทยลีก(ลีก 1)ก็จะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดฤดูกาลแล้ว จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีการแข่งขันชิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่จนถึงช่วงโค้งสุดท้ายที่ไม่เหมือนกับปีอื่น ๆ ซึ่งหนึ่งในทีมที่ยังมีลุ้นแชมป์อยู่นั้นคือสโมสรที่ไม่ค่อยได้ยินชื่อเท่าไรนัก นั่นก็คือสโมสรสมุทรปราการซิตี้
ในฤดูกาลนี้มีการย้ายถิ่นฐานมายังจังหวัดสมุทรปราการเมืองที่อยู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร(ในฤดูกาลก่อนใช้ชื่อพัทยาซิตี้) มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทีมพุ่งไปถึงอันดับ 2 ของตารางและต่อสู้ดุเดือดกับยักษ์ใหญ่บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเพื่อแย่งจ่าฝูงอีกด้วย ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือทีมงานผู้ฝึกสอนนั้นเป็นชาวญี่ปุ่น(ผู้จัดการทีมและสต๊าฟโค้ชอีก 3 คน) แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงหยุดพักสัปดาห์ทีมชาติ แต่กระนั้นทางผู้เขียนก็ได้รับเกียรติให้ไปเยี่ยมชมการฝึกซ้อมอย่างขยันขันแข็งพร้อมกับสอบถามเรื่องราวจากปากของกุนซือมุรายามะโดยตรง
――◆――◆――
――ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่าเหตุใดจึงเลือกมาท้าทายที่เมืองไทย?
"ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ในเวทีที่แสนวิเศษของญี่ปุ่นมาตลอด 22 ปีแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังมีอะไรสักอย่างที่เหมือนคั่งค้างในใจของผม ในฐานะที่เป็นทีมเทคนิคของ Sanfrecce Hiroshima ที่มีโอกาสได้ร่วมคว้าตัวธีรศิลป์มาอยู่กับทีมจึงได้สัมผัสกับฟุตบอลไทยจนพบว่าความแข็งกระด้างที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนนั้นมีความน่าสนใจมาก พอได้มาดูด้วยตาตัวเองแล้วจึงตลกผลึกความคิดได้ว่านี่เป็นโอกาสอันดี แล้วในตอนนั้นเองที่ได้รับการติดต่อเชื้อเชิญโดยตรงจากทางเจ้าของสโมสรมาครับ"
――ฤดูกาลนี้เริ่มต้นในฐานะทีมเทคนิค หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ในงานแถลงข่าวก็ประกาศว่าจะทำให้ทีมจบในอันดับ 3 ของฤดูกาลนี้ให้ได้ด้วย
"หากสามารถตอบรับฟุตบอลที่ผมอยากจะทำรวมถึงสภาพความสามารถของตัวนักเตะถึงพร้อมล่ะก็ จากการคำนวณแล้วลำดับที่ประกาศไปนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากเพียงพอครับ ในเดือนกรกฎาคมก็ได้สู้อย่างคู่คี่กับราชาอย่างบุรีรัมย์ยูไนเต็ดจนอยู่อันดับที่ 2 เลยด้วย เนื่องจากมีการต่อสู้กันแบบนี้ต่อเนื่องจึงทำให้ตอนนี้อยู่ที่อันดับ 5 ผมคิดว่าตัวเองสามารถพิสูจน์ศักยภาพของทีมออกมาได้อย่างมากเพียงพอแล้วครับ"
――คุณสมบัติพิเศษของคนไทยที่คุณมุรายามะสัมผัสได้คือ?
"ผมสัมผัสได้ถึงศักยภาพในระดับสูง ทั้งในแง่ของสภาพร่างกายและความสามารถ เพียงแต่ว่าจิตใจของการเป็นมืออาชีพและความไม่ยึดติดนั้นยังมีน้อยเกินไป ซึ่งการวางรากฐานเกี่ยวกับจุดนี้คือหน้าที่ของพวกเราครับ"
ในฤดูกาลนี้มีการย้ายถิ่นฐานมายังจังหวัดสมุทรปราการเมืองที่อยู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร(ในฤดูกาลก่อนใช้ชื่อพัทยาซิตี้) มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทีมพุ่งไปถึงอันดับ 2 ของตารางและต่อสู้ดุเดือดกับยักษ์ใหญ่บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเพื่อแย่งจ่าฝูงอีกด้วย ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือทีมงานผู้ฝึกสอนนั้นเป็นชาวญี่ปุ่น(ผู้จัดการทีมและสต๊าฟโค้ชอีก 3 คน) แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงหยุดพักสัปดาห์ทีมชาติ แต่กระนั้นทางผู้เขียนก็ได้รับเกียรติให้ไปเยี่ยมชมการฝึกซ้อมอย่างขยันขันแข็งพร้อมกับสอบถามเรื่องราวจากปากของกุนซือมุรายามะโดยตรง
――◆――◆――
――ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่าเหตุใดจึงเลือกมาท้าทายที่เมืองไทย?
"ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ในเวทีที่แสนวิเศษของญี่ปุ่นมาตลอด 22 ปีแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังมีอะไรสักอย่างที่เหมือนคั่งค้างในใจของผม ในฐานะที่เป็นทีมเทคนิคของ Sanfrecce Hiroshima ที่มีโอกาสได้ร่วมคว้าตัวธีรศิลป์มาอยู่กับทีมจึงได้สัมผัสกับฟุตบอลไทยจนพบว่าความแข็งกระด้างที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนนั้นมีความน่าสนใจมาก พอได้มาดูด้วยตาตัวเองแล้วจึงตลกผลึกความคิดได้ว่านี่เป็นโอกาสอันดี แล้วในตอนนั้นเองที่ได้รับการติดต่อเชื้อเชิญโดยตรงจากทางเจ้าของสโมสรมาครับ"
――ฤดูกาลนี้เริ่มต้นในฐานะทีมเทคนิค หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ในงานแถลงข่าวก็ประกาศว่าจะทำให้ทีมจบในอันดับ 3 ของฤดูกาลนี้ให้ได้ด้วย
"หากสามารถตอบรับฟุตบอลที่ผมอยากจะทำรวมถึงสภาพความสามารถของตัวนักเตะถึงพร้อมล่ะก็ จากการคำนวณแล้วลำดับที่ประกาศไปนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากเพียงพอครับ ในเดือนกรกฎาคมก็ได้สู้อย่างคู่คี่กับราชาอย่างบุรีรัมย์ยูไนเต็ดจนอยู่อันดับที่ 2 เลยด้วย เนื่องจากมีการต่อสู้กันแบบนี้ต่อเนื่องจึงทำให้ตอนนี้อยู่ที่อันดับ 5 ผมคิดว่าตัวเองสามารถพิสูจน์ศักยภาพของทีมออกมาได้อย่างมากเพียงพอแล้วครับ"
――คุณสมบัติพิเศษของคนไทยที่คุณมุรายามะสัมผัสได้คือ?
"ผมสัมผัสได้ถึงศักยภาพในระดับสูง ทั้งในแง่ของสภาพร่างกายและความสามารถ เพียงแต่ว่าจิตใจของการเป็นมืออาชีพและความไม่ยึดติดนั้นยังมีน้อยเกินไป ซึ่งการวางรากฐานเกี่ยวกับจุดนี้คือหน้าที่ของพวกเราครับ"