วันที่ 19 กรกฎาคม นิชิโนะ อากิระ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นประกาศจัดงานแถลงข่าวถึงการตัดสินใจเข้ามาคุมบังเหียนทีมชาติไทยชุดใหญ่ควบรุ่น U-23

  ภายในพิธีเซ็นสัญญานั้นเนืองแน่นไปด้วยนักข่าวไทยและนักข่าวญี่ปุ่นเกือบ 100 ชีวิต

  เริ่มต้นจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พลตำรวจเอก ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงเกริ่นนำขึ้นก่อนว่า "ขอประกาศว่า มิสเตอร์นิชิโนะ อากิระจะเข้ามาคุมทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการครับ" พร้อมกับกล่าวเสริมทันทีว่า "ผมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผมเชื่อมั่นในฝีมือของเขาว่าจะช่วยยกระดับทีมชาติไทยให้เหมือนกับทีมชาติญี่ปุ่นที่ลงสู้ศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซียได้"

  นิชิโนะที่กลายมาเป็นกุนซือทีมชาติไทยที่มีอำนาจอย่างสมบูรณ์แบบนั้นกล่าวว่า "ทุกท่านครับ สวัสดีครับ ขออภัยที่รบกวนในช่วงเวลาอันแสนมีค่านะครับ วันนี้ผมตัดสินใจรับข้อเสนอจากทีมชาติไทยจึงต้องการเรียนแจ้งให้ทุกท่านทราบกัน ณ ที่นี้ครับ"

  หลังจากที่ทางสมาพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่นประกาศแต่งตั้งโมริยาสุมาเป็นกุนซือทีมชาติคนใหม่ก็มีท่าทีเหมือนกันว่าทางนิชิโนะสนใจที่จะไปเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิคแทน แต่กระนั้นทางนิชิโนะก็ยืนกรานว่า "ผมยังมีความยึดติดกับภาคสนาม(กุนซือภาคสนาม)" มากกว่า จึงทำให้เขาตัดสินใจเลือกรับงานคุมทีมชาติไทยแม้จะได้รับข้อเสนอจากหลากหลายแห่งก็ตามแต่

  ทว่ากุนซือทีมชาติไทยป้ายแดงในวันนี้เขาดูพูดจาคล่องปากอย่างผิดวิสัย

  "ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีข่าวออกมาว่าผมรับงานคุมทีมชาติไทย มันเป็นรายงานที่ออกมาล่วงหน้า ในวันที่ 30 มิถุนายนผมเดินทางไปประเทศไทยเนื่องจากได้รับเกียรติให้เข้าไปพบกับนายก ในวันนั้นที่ได้พูดคุยกัน ผมสัมผัสได้ถึงแพชชั่นของนายกที่ออกมาจากคำพูด ความปรารถนาที่ต้องการจะเปลี่ยนโครงสร้างและระบบของฟุตบอลไทยให้กลายมาเป็นแบบใหม่ หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้วผมจึงเดินทางกลับมาที่ญี่ปุ่นเพื่อคิดแล้วก็ตัดสินใจครับ" เจ้าตัวกล่าวลงรายละเอียดเช่นนั้น เป็นการพูดจายาวเหยียดจนลืมไปเลยว่าล่ามแปลไม่ทัน "อ๊ะ ขอโทษครับ" จากนั้นค่อยกล่าวขอโทษล่ามในงานไป

  กุนซือนิชิโนะเคยคุมทีมชาติญี่ปุ่นลงสู้ศึกโอลิมปิกในปี 1996 มาก่อน ในตอนนั้นเขาพูดว่า "ตอนที่สู้กับไทยในรอบคัดเลือกนี่ทรหดมาก" เป็นการพูดถึงภาพลักษณ์ของทีมชาติไทยในครั้งแรกสุด "แต่ทีมชาติไทยกลับไม่เติบโตไปตามที่คิดเอาไว้ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกผมก็สัมผัสได้แบบนั้นด้วย" เจ้าตัวกล่าวเช่นนั้น

  "ตอนแรกตั้งใจว่าจะกล่าวทักทายที่ประเทศไทยอยู่นะครับ แต่เมื่อคำนึงถึงนายกสมาคมฟุตบอลไทยและประธานสมาพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่นคุณทาชิมะด้วยแล้ว ผมจึงตัดสินใจจัดงานที่ญี่ปุ่นก่อนครับ" พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นว่า "ผมอยากจะยกระดับทีมชาติไทยให้สามารถสู้กับญี่ปุ่นได้อย่างทัดเทียมเลยครับ"