อาวุธเด่นของโมฮาเหม็ด ซาลาห์นั้น คือทักษะการลากเลื้อยที่ว่องไวและการยิงที่แม่นยำ เซนส์ในการพุ่งเข้าไปในพื้นที่ทำประตูของเขากว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

  แต่จุดเด่นของเขานับตั้งแต่เริ่มค้าแข้งกับประเทศบ้านเกิดที่อียิปต์ อังกฤษ อิตาลีจนได้หวนกลับมาที่อังกฤษอีกรอบนั้นก็คงไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความสามารถในการปรับตัวที่แสนยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

  แม้จะเป็นประเทศบ้านเกิด แต่การเทิร์นโปรเข้าลีกสูงสุดในวัย 17 ปีนั้นก็คือหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความสุกงอมของเขาก็ว่าได้กระมัง เมื่อวัย 20 ย้ายไปค้าแข้งกับสโมสร Basel ที่สวิตซ์ก็ได้รับตำแหน่งเป็นตัวจริงทันที ในสมัยอายุยังน้อยเขาถูกเรียกเป็น "เมสซี่อียิปต์" จึงทำให้ชื่อของเขาโลดแล่นไปทั่วทั้งยุโรป

  ในฤดูกาล 2012-2013 ที่พาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึกยูโรป้าได้นั้น ในช่วงรอบแบ่งกลุ่มที่ต้องเจอกับราชาอย่างเชลซีเขาก็ทำประตูไปได้ 3 ลูกในการแข่งขัน 2 นัด สร้างอิมแพ็คขึ้นมาอย่างมหาศาล จึงทำให้ผลงานเข้าตาเชลซีและถูกซื้อตัวไปในเดือนมกราคม 2014 เป็นต้นมา

  กระนั้นเมื่อโชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม เขาก็ได้รับการปฏิบัติที่เย็นชาใส่ แทบไม่มีโอกาสได้ลงสนาม จึงทำให้ซาลาห์ตัดสินใจอย่างหนักแน่นในฤดูหนาวปี 2015 เพื่อจะไปหาโอกาสที่ดินแดนใหม่ซึ่งนั่นคือการไปท้าทายในศึกเซเรียอากับสโมสร Fiorentina ในฐานะนักเตะยืมตัว นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนอย่างยิ่งใหญ่กับนักเตะวัย 22 ปีเป็นอย่างยิ่ง

  ที่ถิ่นใหม่ในอิตาลีนั้น ซาลาห์เหมือนกับปลาที่โหยหาแหล่งน้ำ หลังจากย้ายไปเล่นยืมตัวเพียง 7 นัดเขาก็ยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตู จนทำให้กุนซือในสมัยนั้นอย่าง Vincenzo Montella ยกย่องว่า "หากตัดเมสซี่ทิ้งไป เขาคงเร็วที่สุดในโลกแล้ว" เป็นการยกย่องถึงความว่องไวของเขา
 

  จากนั้นก็มีการสัมภาษณ์ตัวของซาลาห์เป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาค้นพบตัวเอง ซึ่งซาลาห์ก็ตอบคำถามถึงเรื่องราวที่เขาเลือกหมายเลข 74 ว่า "มันเป็นช่วงครบรอบ 3 ปีของโศกนาฏกรรมที่ Port Said ครับ เพราะฉะนั้นผมจึงเลือกหมายเลขที่ตรงกับผู้เสียชีวิตในคราวนั้น" นั่นคือเหตุผลของเขา

  โศกนาฏกรรมที่ Port Said นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2012 ในเกมลีกอียิปต์ มีการปะทะกันระหว่างแฟน ๆ ของ 2 สโมสรระหว่าง Al Ahly และ Al Masry และมีผู้เสียชีวิตในคราวนั้น 74 ราย ถูกจัดเป็น "โศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอียิปต์"

  สำหรับนักฟุตบอลทุกคนนั้น เลขหมายประจำตัวก็เปรียบเสมือนหน้าตาลำดับ 2 ของตัวเอง แต่แม้ซาลาห์ในสมัยนั้นที่อายุเพิ่งจะแค่ 22 ปี กระนั้นกลับมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าต่อเหตุการณ์ในประเทศบ้านเกิด เขาเรียนรู้จากอดีตเพื่อเบิกทางสู่อนาคต เพราะฉะนั้นนักรบหนุ่มผู้มีจิตใจองอาจคนนี้ เขาจึงได้รับความรักจากฟิออเรนเซ่เป็นอย่างยิ่ง