การมีปากเสียงกันระหว่างกลุ่มนักเตะและการที่โค้ชมีอากัปกริยาโมโหระหว่างการฝึกซ้อมนั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างไร ทว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นดันเกิดขึ้นก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศในศึกยูโรป้าเพียงหนึ่งวัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่สป็อตไลท์จะฉายไปยังเหตุการณ์ดังกล่าวนี้

  วันที่ 29 พฤษภาคม ก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกยูโรป้ากับอาร์เซนอล ยอดกุนซือแห่งสโมสรเชลซี เมาริซิโอ ซาร์รี่แสดงอาการฉุนเฉียวภายในสนามฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม อากัปกริยาของเขาถูกถ่ายทอดผ่านทางช่อง Sky Sports จนเป็นกระแสฮือฮา

  ทาง Sky Sports รายงานว่า ภายในสนามฝึกซ้อมดาวิด ลุยซ์และกอนซาโล่ อิกวาอิน มีปากมีเสียงกัน ซึ่งทางซาร์รี่ที่เห็นเรื่องราวดังกล่าวนั้น เขาก็แสดงอาการฉุนเฉียวจนปาหมวกลงพื้น นอกจากนั้นก็ยังเดินตามไปเตะซ้ำ มิหนำซ้ำหลังจากเก็บขึ้นมาแล้วก็ปาลงพื้นอีกครั้งและทำการเตะซ้ำอีกรอบ เสร็จแล้วเขาก็เดินออกจากสนามไปแม้จะอยู่ในระหว่างฝึกซ้อมก็ตาม

  หลังจากนั้นทางโฆษกของสโมสรก็ออกมาระบุว่า "อาการฉุนเฉียวของซาร์รี่ที่แสดงออกมานั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนักเตะคนไหนทั้งสิ้น" เป็นการระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากเรื่องราวภายในสโมสร

  "เนื่องจากจำเป็นต้องให้สื่อมาทำข่าวระหว่างฝึกซ้อม จึงทำให้ทีมไม่สามารถฝึกเซ็ตเพลย์ช่วง 15 นาทีสุดท้ายใน 1 ชั่วโมงของเซชชั่นได้"
 

  สมัยเอมโปลีซาร์รี่ก็มีความโดดเด่น พอมาช่วงนาโปลีเขาก็ทำให้ทีมก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง หากการแข่งขันนัดนี้ซาร์รี่พาทีมคว้าแชมป์ได้ล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นแชมป์แรกที่เขาเฝ้ารอมาอย่างเนิ่นนาน แต่กระนั้นก็ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าความวุ่นวายที่มีตลอดฤดูกาลจนอาจเป็นผลให้กุนซืออิตาลีวัย 60 ปีอาจจะออกสโมสรนี้ไปเมื่อจบฤดูกาลอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากเขาจะแสดงอาการเครียดออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

  ในงานสัมภาษณ์วันเดียวกันนั้น ซาร์รี่ผู้มีข่าวว่าสโมสรยูเวนตุสประเทศบ้านเกิดสนใจที่จะดึงให้ไปคุมตัวได้พูดดังนี้ "ในช่วงแรกนั้น การที่ผมจะทำความเข้าใจถึงสภาวะจิตใจของนักเตะแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เวลาเพียง 2 เดือนพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง หรือไม่บางทีก็อาจจะเป็นผมที่เปลี่ยนเอง" เป็นการแสดงความรู้สึกถึงนักเตะเชลซี

  "ผมรักพวกเขามากเลย พวกเขาคือผู้ชายยอดเยี่ยมทั้ง 22 คน การได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมดีใจมากเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผมจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องราวดังกล่าวนั้นต่อจากนี้ไปด้วย และนั่นก็รวมไปถึงความรักที่ผมมีต่อพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลอังกฤษเช่นกัน"

  ซาร์รี่และสโมสรเชลซีต้องบุกไปชิงถ้วยที่สนามแข่งในเมืองบากู หลังจากนั้นก็ต้องมาดูกันอีกทีว่ากุนซือชาวอิตาลีผู้นี้จะได้คุมบังเหียนของทีมต่อไปหรือไม่ การแข่งขันนัดนี้ที่จะมีผลถึง UEFA Champions League ในฤดูกาลหน้านั้นห้ามพลาดเป็นอันขาดเลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest