Pick Up!

  • トップ
  • ニュース一覧
  • "โอกาสครั้งที่สาม" คล็อปปปลุกใจสู่รอบชิง ชปล. "จะไม่ลืมเหตุการณ์ที่สนามบิน Kyiv เป็นอันขาด"

"โอกาสครั้งที่สาม" คล็อปปปลุกใจสู่รอบชิง ชปล. "จะไม่ลืมเหตุการณ์ที่สนามบิน Kyiv เป็นอันขาด"

カテゴリ:メガクラブ

サッカーダイジェストWeb編集部

2019/05/29

"ตื่นเต้นกับโอกาสทองที่หวนมาอีกครั้ง"

คล็อปป์ผู้ต้องเจอกับความชอกช้ำแม้จะพาทีมไปสู่รอบชิง 2 ครั้งแต่พ่ายแพ้ทั้งในฤดูกาลที่ผ่านมากับเมื่อ 6 ปีก่อน สำหรับการชิงแชมป์หนที่ 3 ในคราวนี้จึงทำให้ความรู้สึกหนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง

(C) Getty Images

画像を見る

  ศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนทั้งโลกเฝ้าจับตามอง วันที่ 1 มิถุนายน การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในศึก UEFA Champions League จะจัดขึ้นที่กรุงมาดริด

  รอบชิงชนะเลิศในปีนี้ที่จะเป็นการเจอกันระหว่างสโมสรท็อตแนมฮ็อตสเปอร์และลิเวอร์พูลนั้น นับเป็นการชิงกันเองระหว่างทีมอังกฤษหลังจากครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2007-2008 ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ยังมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้และเวย์น รูนีย์คว้าแชมป์ได้ เพราะฉะนั้นการแข่งขันนัดนี้จึงถูกจับตามองมากยิ่งกว่าเดิม

  ผู้ที่นำทีมลิเวอร์พูลสู้ด้วยจิตใจร้อนแรงดุจดั่งไฟลุกโชนนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกุนซืออย่างเจอร์เกน คล็อปป์

  ในอดีตที่ผ่านมาคล็อปป์เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมาก่อน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในฤดูกาล 2012-2013 ที่นำทีมดอร์ทมุนด์มาเจอกับคู่ปรับร่วมชาติอย่างสโมสรบาเยิร์นมิวนิก ส่วนนัดที่สองก็เป็นการแข่งขันเมื่อปีก่อนที่ต้องเจอกับสโมสรเรอัลมาดริด กระนั้นคล็อปป์ก็พบกับความพ่ายแพ้ทั้งสองหน เขาได้แต่กลืนน้ำตาแห่งความชอกช้ำกลับบ้านทั้งสองรอบ 

  สรุปก็คือสำหรับคล็อปป์แล้ว การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศของ UEFA ในหนนี้นั้นจะกลายเป็น "โอกาสหนที่ 3" ที่ต้องตั้งเป้าถึงสิ่งนั้น ซึ่งกุนซือชาวเยอรมันวัย 51 ปีคนนี้หลังจากพาทีมเข้าสู่รอบชิงมาได้อีกหน เขาก็ให้สัมภาษณ์ในวันที่ 28 ว่า "ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวเท่านั้น แต่เด็กในทีมทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่หวนกลับมาอีกครั้ง"

  "เมื่อฤดูกาลก่อนพวกเราได้ลงสู้ในรอบชิงชนะเลิศของแชมป์เปี้ยนส์ลีก เมื่อ 4 ปีก่อน(ยูโรป้า)ก็ได้สู้ด้วย พวกเราต่างก็มีประสบการณ์กันมาก่อน พอมันมาถึงจุดนี้แล้วพวกเราสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ได้ ตอนนี้เลยเป็นความตื่นเต้นอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นความดีใจที่โอกาสนี้ได้กลับมาเยือนอีกรอบ"
 
  นอกจากนั้นคล็อปป์ยังพูดถึงนัดชิงชนะเลิศปีก่อนที่พ่ายต่อมาดริดที่เคียฟ 1-3 แล้วก็กล่าวชื่นชมทีมดังนี้

  "นัดชิงในคราวนั้นได้สร้างผลกระทบกับพวกเราอย่างมหาศาล ตอนที่เดินทางขากลับไปยังสนามบินเคียฟนั้นพวกเราไม่มีทางลืมเลย ตอนที่ต่อแถวอยู่นั้นทุกคนต่างก็ก้มหน้าก้มตากันหมด พวกเขาล้วนผิดหวัง พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีความรู้สึกในใจที่แตกต่างกัน แต่กระนั้นพวกเราก็หวนกลับมาถึงจุดตรงนี้ได้อีกรอบ ผมไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ

  ในรอบรองชนะเลิศนั้น หลังจากพ่ายบาร์ซ่าในนัดแรก ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่นัดที่สองจะมาถึง ในตอนนั้นไม่มีใครที่เชื่อเลยว่าพวกเราจะทำได้ แต่กระนั้นพวกเราก็ทำสำเร็จ ซึ่งนั่นกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเราอยู่ตรงจุดนี้ นี่คือสถานการณ์ที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์เหลือเกิน"

  คล็อปป์กล่าวในงานแถลงข่าวว่า "ตอนปี 2004 ที่พาไมนซ์ขึ้นมาบุนเดสลีกา 1 ได้น่ะ ตอนนั้นพวกเราไม่มีเงินเลย จึงทำให้มันกลายเป็นช่วงเวลาที่สุดยอดที่สุดในอาชีพของผมที่ทำให้ไมนซ์ขึ้นมาลีก 1 ได้ แต่ถ้าพวกเราได้แชมป์รายการนี้ล่ะก็ สงสัยผมคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะ(หัวเราะ)" คล็อปป์กล่าวออกมาอย่างคล่องปาก

  ท้ายที่สุดนี้คล็อปป์และทีมจะสามารถคว้าแชมป์เพื่อสร้างบิ๊กเยียร์ของพวกเขาที่เฝ้ารอมานานแสนนานได้หรือไม่... นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทั่วทั้งโลกต่างก็จับตามอง

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest

Facebookでコメント