เข็มนาฬิกาที่ชี้มาเลข 0 ณ สนาม State de France ในวันที่ 26 มีนาคม
การแข่งขันศึก EURO2020 รอบคัดเลือกที่ต้องเจอกับทีมชาติไอซ์แลนด์นั้น โอลิวิเย่ ชิรูด์ผู้ทำประตูที่ 35 ให้กับตัวเองในฐานะทีมชาติได้นั้น เขาก็อมยิ้มในพื้นที่มิกซ์โซนและให้สัมภาษณ์ว่า "ดีใจมากเลยครับที่ทำสถิติเหนือกว่า David Trezequest ได้ อะไรนะ? มิเชล พลาตินี่เหรอ? ใช่ครับ เป้าหมายของผมคนต่อไปคือพลาตินี่ครับ" เจ้าตัวตอบด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม
หลังจากนั้นอองตวน กรีซมันน์ที่ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วเขาก็เดินมาข้างหลังเอานิ้วกระทุ้งท้ายทอยของชิรูด์แล้วก็เดินจากไป บรรยากาศดังกล่าวนั้นทำให้กลุ่มผู้สื่อข่าวต่างก็ส่งเสียงหัวเราะกันออกมา
บรรยากาศที่นิ่มนวลแบบนี้นั้นบ่งบอกถึงสภาพปัจจุบันของทีมชาติฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี
เมื่อการแข่งขัน EURO2020 รอบคัดเลือกนัดที่ 2 จบลงทีมชาติฝรั่งเศสก็ยิงไปแล้ว 8 ประตูถือว่าอยู่ในฟอร์มดีเยี่ยม สิ่งที่สัมผัสได้อย่างเด่นชัดคือความเป็นระบบ ความอลังการและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในทีม แม้จะเอาชนะ Moldova(4-1) Iceland(4-0) ที่กล่าวได้ว่าเป็นทีมในระดับต่ำกว่าก็ตาม แต่พวกเขาที่ทะลวงกำแพงคำวิพากษ์วิจารณ์และคว้าแชมป์ได้นั้นก็บ่งบอกได้ว่าขณะนี้ "บรรยากาศของความเป็นแชมป์เปี้ยน" มีอยู่ทั่วทั้งทีมเป็นอย่างยิ่ง
และที่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดนั้นคือเกมรุกที่ยกระดับขึ้น ในช่วงฟุตบอลโลกเมื่อปีก่อนที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่าทีมชาติฝรั่งเศสมีปัญหาในการตรึงกำลังเกมรับ ทว่าจากการแข่งขันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้นเห็นได้ชัดเลยว่านอกจากจะป้องกันได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว ยังโชว์การทำประตูกระจุยกระจายซึ่งยังคงรักษาฟอร์มเหมือนดังเช่นฟุตบอลโลกที่รัสเซียเอาไว้ได้เหมือนเดิม
ประตูในวันที่ 22 กับมอลโดวานั้นมีแต่การประสานงานสุดสวยงามทั้งนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็มบาปเป้กับกรีซมันน์ที่กังวลก็ดูไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น! ทีมชาติฝรั่งเศส "อลังการ" ยิ่งกว่าตอนฟุตบอลโลก 【สดจากสนาม】
カテゴリ:ワールド
2019/03/28
ทีมชาติฝรั่งเศสที่อุดมไปด้วยบรรยากาศของแชมป์เปี้ยน

ฝรั่งเศสซึ่งมีป๊อกบาเป็นศูนย์กลาง นักเตะยังอายุน้อยแต่มากด้วยความสามารถ ในขณะนี้ยังหาช่องโหว่ไม่เจอเลย
(C) Getty Images
ประตูลูกแรกที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลงานของพอล ป๊อกบาที่ยกลูกข้ามกองหลังแล้วให้กรีซมันน์ที่หลุดเข้าไปยิงอัดเน้น ๆ
ประตูลูกต่อมานั้น เป็นทางฝั่งของกรีซมันน์ที่เปิดลูกเตะมุมให้ราฟาเอล วาเรนใช้หัวโหม่งกดเข้าไป ต่อจากนั้นในประตูที่ 3 เบลซ มาทูดี้จ่ายลูกให้กับชิรูด์กดทำประตูด้วยเท้าซ้าย สุดท้ายลูกที่ 4 นั้นก็เป็นทางฝั่งของโทมัส เลมาร์ที่จ่ายทะลุให้กับคีเลียน เอ็มบาปเป้ดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามแล้วทำประตูด้วยความใจเย็น
ผลงานในเกมกับไอซ์แลนด์ในวันที่ 25 นั้นทีมตราไก่ก็ทำประตูได้อย่างแสนสวยงาม
ประตูแรกเอ็มบาปเป้เปิดลูกให้อุมตีตี้โหม่งเช็ดเข้าประตู ส่วนลูกที่สองนั้นก็เป็นการเปิดของเบนจามิน พาวาร์ดให้กับชิรูด์อัดเน้น ๆ เข้าประตูไป ลูกที่ 3 เป็นการต่อบอลที่สวยงามโดยเริ่มจากป๊อกบา กรีซมันน์แล้วปิดท้ายด้วยเอ็มบาปเป้ ส่วนลูกสุดท้ายนั้นก็เป็นป๊อกบา เอ็มบาปเป้แล้วก็กรีซมันน์ สามประสานเล่นเกมต่อเนื่องกันอีกครั้ง
เป็นการเริ่มปั้นเกมขึ้นจากแผงหลัง (วารานและอุมตีตี้) กรีซมันน์คอยวิ่งทั่วสนามเพื่อสร้างจังหวะให้กับทีมซึ่งเป็นบรรยากาศที่คล้ายคลึงกับในฟุตบอลโลก
ทว่าทักษะของป๊อกบานั้นคับแก้วขึ้น ชิรูด์ที่ทำประตูไม่ได้ในฟุตบอลโลกนั้นตอนนี้เขาก็กลับมาเครื่องติด เอ็มบาปเป้กับกรีซมันน์พอทำแอสซิสต์ให้กันและกันต่างก็ยินดีด้วยกัน กล่าวได้ว่าเกมรุกนั้นวิวัฒนาการไปอย่างไม่หยุดหย่อนเลย