วีรบุรุษอย่างมาราโดน่าก็ยังอัดไม่ยั้ง
เมสซี่กลับมาสวมชุดทีมชาติอีกครั้งในรอบ 9 เดือนนับจากศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซีย แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำให้ทีมคว้าชัยได้
(C) Getty Images
ทีมชาติอาร์เจนติน่าที่ได้ลิโอเนล เมสซี่หวนกลับมานั้นพ่ายแพ้ต่อเวเนซูเอล่าด้วยผลการแข่งขัน 1-3 ในวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา
หลังการแข่งขันจบลง ตำนานทีมชาติอาร์เจนติน่าตลอดกาลอย่างแดเนียล พาสซาเรลล่าผู้เป็นกัปตันพาทีมอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1978 ได้นั้นระบุว่า "ทัศนคติในการต่อสู้ในสโมสรบาร์เซโลน่ากับทีมชาติอาร์เจนติน่าของเมสซี่นั้นต่างกัน" เป็นการตำหนิตรง ๆ
ทีมชาติอาร์เจนติน่านั้น นับตั้งแต่พลาดแชมป์ Copa America ในปี 1993 เป็นต้นมา พวกเขาก็ห่างเหินการคว้าแชมป์ทุกรายการมาถึง 25 ปีแล้ว ท่ามกลางความไม่พึงพอใจของประชาชนที่มีอย่างมากมาย เมสซี่นั้นก็เหมือนกับเป็นถังขยะรองรับอารมณ์เหล่านั้นมาโดยตลอดไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน
เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 นั้นเกมกับทีมชาติเป็นสิ่งที่ลำบากลำบนสำหรับเขาเหลือเกิน นับตั้งแต่ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นครั้งแรก เขาก็กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมที่สู้อย่างทรหด ทาง José Pékerman ที่เคยคุมทีมชาติในสมัยที่เมสซี่หนุ่มน้อยหน้ามนในอายุหลัก 10 เล่นอยู่นั้นก็มีเหตุการณ์ทำฟาวล์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งทางกุนซือระบุว่า "ควรตักเตือนเขาล่วงหน้า" เป็นการควรจะตักเตือนเพื่อนเสียก่อน
หลังการแข่งขันจบลง ตำนานทีมชาติอาร์เจนติน่าตลอดกาลอย่างแดเนียล พาสซาเรลล่าผู้เป็นกัปตันพาทีมอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1978 ได้นั้นระบุว่า "ทัศนคติในการต่อสู้ในสโมสรบาร์เซโลน่ากับทีมชาติอาร์เจนติน่าของเมสซี่นั้นต่างกัน" เป็นการตำหนิตรง ๆ
ทีมชาติอาร์เจนติน่านั้น นับตั้งแต่พลาดแชมป์ Copa America ในปี 1993 เป็นต้นมา พวกเขาก็ห่างเหินการคว้าแชมป์ทุกรายการมาถึง 25 ปีแล้ว ท่ามกลางความไม่พึงพอใจของประชาชนที่มีอย่างมากมาย เมสซี่นั้นก็เหมือนกับเป็นถังขยะรองรับอารมณ์เหล่านั้นมาโดยตลอดไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน
เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 นั้นเกมกับทีมชาติเป็นสิ่งที่ลำบากลำบนสำหรับเขาเหลือเกิน นับตั้งแต่ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นครั้งแรก เขาก็กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมที่สู้อย่างทรหด ทาง José Pékerman ที่เคยคุมทีมชาติในสมัยที่เมสซี่หนุ่มน้อยหน้ามนในอายุหลัก 10 เล่นอยู่นั้นก็มีเหตุการณ์ทำฟาวล์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งทางกุนซือระบุว่า "ควรตักเตือนเขาล่วงหน้า" เป็นการควรจะตักเตือนเพื่อนเสียก่อน
การแข่งขันในเกมทีมชาติจบลงเพียงแค่ 1 นัด ทีมชาติอาร์เจนติน่าตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ยังคงเดิมกับศึก Copa America ในปีถัดมา ในขณะที่รุ่นพี่ในสโมสรยังจิบน้ำชาอย่างเพลิดเพลินสบายใจเมสซี่ก็ขลุกอยู่กับตัวเองโดยคอยเคาะบอลเดาะใส่กำแพงในห้องเพียงลำพัง
จากนั้นในเดือนตุลาคมปี 2008 ดิเอโก้ มาราโดน่าก็ถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตำนานทีมชาติอาร์เจนติน่าคนนี้ในสมัยคุมทีมนั้นเขาจงใจอวดบารมีของตัวเองต่อเมสซี่ในวัยหนุ่มมากถึงขนาดไหน ถึงขั้นที่ตั้งใจให้กล้องจับตัวเองในจังหวะที่กำลังตำหนิเมสซี่อยู่ด้วย กล่าวได้ว่ามันเป็นการกระทำที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาที่มีต่ออัจฉริยะภาพในวงการลูกหนังทั้งทางตรงและทางอ้อมก็ว่าได้
ภายใต้การคุมทีมของมาราโดน่านั้น เมสซี่ก็พาทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้งในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ในปี 2010 แต่แล้วก็ต้องตกรอบอีกครั้ง นอกจากนั้นในฟุตบอลโลกครั้งถัดมาที่บราซิล ในช่วงการแข่งขันรอบคัดเลือก เมสซี่ก็ถูกตำหนิว่าดูไม่มีความตั้งใจในการร้องเพลงชาติก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ในยุคสมัยนั้นมีนักเตะอย่าง Éver Banega, Fernando Gago, Javier Mascherano, Ángel Di María และ Sergio Agüero นักเตะชื่อดังเหล่านี้ต่างก็ล้วนแต่เป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเมสซี่ทั้งสิ้น ซึ่งเมสซี่ก็เป็นศูนย์กลางของพวกเขา
ทว่าในความเป็นจริงนั้นตัวตนของเมสซี่ที่ยิ่งใหญ่จนเกินไปจนทำให้เกิดความเกรงใจในหัวหอกของทีม นักเตะรอบข้างเอาแต่คอยเข้าถึงเมสซี่แต่เพียงห่าง ๆ จนมีแหล่งข่าวระบุว่าบรรยากาศในสนามฝึกซ้อม "มีแต่ความเงียบ แทบไม่มีการพูดจา นักเตะอายุน้อยถึงกับดูแหยง ๆ" เลยทีเดียว
จากนั้นในเดือนตุลาคมปี 2008 ดิเอโก้ มาราโดน่าก็ถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตำนานทีมชาติอาร์เจนติน่าคนนี้ในสมัยคุมทีมนั้นเขาจงใจอวดบารมีของตัวเองต่อเมสซี่ในวัยหนุ่มมากถึงขนาดไหน ถึงขั้นที่ตั้งใจให้กล้องจับตัวเองในจังหวะที่กำลังตำหนิเมสซี่อยู่ด้วย กล่าวได้ว่ามันเป็นการกระทำที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาที่มีต่ออัจฉริยะภาพในวงการลูกหนังทั้งทางตรงและทางอ้อมก็ว่าได้
ภายใต้การคุมทีมของมาราโดน่านั้น เมสซี่ก็พาทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้งในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ในปี 2010 แต่แล้วก็ต้องตกรอบอีกครั้ง นอกจากนั้นในฟุตบอลโลกครั้งถัดมาที่บราซิล ในช่วงการแข่งขันรอบคัดเลือก เมสซี่ก็ถูกตำหนิว่าดูไม่มีความตั้งใจในการร้องเพลงชาติก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ในยุคสมัยนั้นมีนักเตะอย่าง Éver Banega, Fernando Gago, Javier Mascherano, Ángel Di María และ Sergio Agüero นักเตะชื่อดังเหล่านี้ต่างก็ล้วนแต่เป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเมสซี่ทั้งสิ้น ซึ่งเมสซี่ก็เป็นศูนย์กลางของพวกเขา
ทว่าในความเป็นจริงนั้นตัวตนของเมสซี่ที่ยิ่งใหญ่จนเกินไปจนทำให้เกิดความเกรงใจในหัวหอกของทีม นักเตะรอบข้างเอาแต่คอยเข้าถึงเมสซี่แต่เพียงห่าง ๆ จนมีแหล่งข่าวระบุว่าบรรยากาศในสนามฝึกซ้อม "มีแต่ความเงียบ แทบไม่มีการพูดจา นักเตะอายุน้อยถึงกับดูแหยง ๆ" เลยทีเดียว