นัดนี้เขาลงสนามรวมทดเวลาบาดเจ็บแล้วน่าจะราว ๆ 15 นาที
 
  ช่วงเวลาเพียงเท่านี้ยังไม่มากพอที่จะสามารถตัดสินอะไรได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่ามันก็เหมือนกับการชิมอาหาร เราไม่จำเป็นต้องตักซุปมิโสะมาซดทั้งถ้วยเพื่อพิสูจน์รสชาติ เพียงแค่จิบเดียว เพียงแค่ช่วงเวลาลงสนามสั้น ๆ ก็บ่งบอกถึงศักยภาพของนักเตะได้ในระดับหนึ่งแล้ว
 
  การแข่งขันเจลีกนัดที่ 4 ประจำวันที่ 17 มีนาคม สโมสร Vissel Kobe เปิดบ้านรับการมาเยือนของ Shimizu S-Pulse นัดนี้เป็นการลงสนามในเกมเจลีกครั้งแรกของมิดฟิลด์ชาวสเปน แซร์ฆี ซัมเปร์

  กุนซือฆวนมานูเอล ลิลโล่ระบุถึงเหตุผลที่ส่งซัมเปร์แทนที่กองหน้าอย่างฟุรุฮาชิ เคียวโกในนาที 80 ขณะที่โกเบนำอยู่ 1-0 ดังนี้ว่า
 
  "การส่งหมากในแดนกลางเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นจะเป็นการป้องกันเกมเปิด สามารถควบคุมเกมได้ดั่งใจนึก"
 
  ซึ่งเป็นสถานการณ์แบบเดียวกันกับเกมกับซากันโทสุในนัดที่ 2 "จะมีกรณีของการเปลี่ยนตัวที่ไม่ได้ทำให้เกม(ที่ดีอยู่แล้ว)ดีขึ้น" ที่ในนัดนั้นลิลโล่ไม่ได้เปลี่ยนตัวนักเตะเลย แต่ในนัดนี้เลือกใช้การ์ดเปลี่ยนตัวส่งซัมเปร์ลงสนาม

  ซัมเปร์เพิ่งจะเดินทางมาถึงญี่ปุ่นได้ไม่นาน ประกอบกับอาการบาดเจ็บจึงทำให้เขาไม่ได้ลงสนามมาตั้งแต่เดือนตุลาคม นั่นก็หมายถึงว่า 5 เดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ลงสนามเลย แต่กระนั้นการที่กุนซือตัดสินใจส่งเขาลงมาในขณะที่สถานการณ์ในทีมนำอยู่เพียงแค่ลูกเดียวนั้น นั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากุนซือไว้วางใจในตัวของซัมเปร์มากถึงขนาดไหน
 
  ซัมเปร์ถูกส่งลงไปในแดนกลาง หน้าที่ของเขาคือ Pivote(ตัวจ่ายบอล) เลยทำให้แผนจากมี 2 มิดฟิลด์ตัวรับที่เป็นยามากุจิ โฮตารุและมิตะ ฮิโรทากะนั้นเปลี่ยนไป ถูกดันไปเล่นตำแหน่งด้านหน้าขึ้น จึงทำให้แผนการเล่นเดิมจาก 4-2-3-1 กลายเป็น 4-3-1-2 แทน โดยมีอิเนียสต้าเป็นยอดพิรามิดในแดนกลาง แล้วก็มีหน้าเป้าสองคนที่เป็นลูคัส โพโดลสกี้และดาวิด บีย่า
 
  แม้ซัมเปร์จะไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่ามากนัก แต่กระนั้นเขาก็มีฝีเท้าที่ดีในฐานะผู้ที่เติบโตมาจากอคาเดมีของบาร์ซ่า ถึงจะลงเล่นในสนามแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่แย้มเงาของศักยภาพของเขาก็เผยให้เห็นออกมา
 
  เขาจะหันหน้าคอยมองหาเพื่อนตลอดเวลา คอยวางตำแหน่งให้กลายเป็นสามเหลี่ยมบนพื้นสนามได้อย่างถูกต้อง สามารถแตะบอล จับบอลได้อย่างนิ่มนวล ซึ่งถ้าพูดถึงสไตล์การเล่นเฉพาะเรื่องนี้นั้นเขาเหนือกว่าซาบี้และเซร์ฆิโอ บุสเกตส์ในปัจจุบันเสียอีก มิหนำซ้ำยังไปจนถึงเส้นแนวหลังเพื่อเริ่มต่อบอลตั้งแต่จากผู้รักษาประตู ยิ่งมาประกอบกับพลังในการขับเคลื่อนและการลากเลื้อยของเขานั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขามีอาวุธที่แม้กระทั่งไอดอลอย่างบุสเกตส์ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ