หนึ่งเดือนผ่านไปหลังนักเตะไทยวาดลวดลายในเจลีค หรือว่านี่จะเป็นช่วงเวลารุ่งโรจน์ของนักเตะไทยในตลาดค้าแข้งของเอเชียตามหลังนักเตะเกาหลีใต้และออสเตรเลียกันแน่

  โครงการค่ายอบรม International Goodwill ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพร้อมกับการแข่งขัน "U-15 ASEAN Dream Football Tournament 2018" ที่ถูกจัดขึ้น
 
  20 ทีมจาก 4 ประเทศได้เข้าร่วมแข่ง โดยทางญี่ปุ่นได้ส่งทีม U-15 ของโอมิยะ ชิมิสุ โอซาก้า โกเบ ซานุกิและเอฮิเมะเข้าร่วมแข่งขัน
  สภาพอากาศร้อนชื้นที่แสนเฉพาะตัวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นหญ้าและลูกที่ไม่ลื่นไถล รวมไปทั้งเสียงนกหวีดเฉพาะถิ่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ "มาตรฐานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ที่นักเตะญี่ปุ่นไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อนจนทำให้พวกเขาต้องทำการฝ่าฟันอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่แสนล้ำค่าอย่างไม่ผิดแน่

  ขับรถ 30 นาทีไปทางทิศเหนือของกรุงเทพฯเพื่อมุ่งไปยังจังหวัดนนทบุรีเพื่อยืนยันว่าที่เพชรเม็ดงามในอนาคตด้วยตาตัวเอง ที่นี่คือสนามฝึกซ้อมของ "เมืองทองยูไนเต็ด FC" ทีมหัวตารางของไทยลีคที่เป็นพื้นหญ้าธรรมชาติและอัฐจรรย์ชมการแข่งขันที่ตั้งร่วมกับคลับเฮาส์
  
  วันนี้ทางเรามาทำการสัมภาษณ์ Ambassador ของทัวร์นาเมนต์นี้อย่างอดีตนักเตะกัมบะโอซาก้า คิบะ มาซาโอะ (ในช่วงปลายของการค้าแข้งเขาเล่นอยู่ในลีคไทย) ที่ปัจจุบันทำกิจกรรมในภูมิภาคอาเซียนจนได้รับการแต่งตั้งเป็น J-League Asia Ambassador ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2012 
  มาฟังเรื่องราวจากปากของเขาเกี่ยวกับนักเตะเยาวชนชาวไทยกันดีกว่า
  
 
――อยากฟังความเห็นเกี่ยวกับสภาพของนักเตะเยาวชนไทยในปัจจุบันนี้ เอาตามที่สัมผัสได้เลยนะครับ

"ปกติแล้วนักเตะทีมโรงเรียนของเยาวชนไทยนั้น ในช่วงหลังมานี้ก็ถูกดึงตัวให้ไปฝึกซ้อมกับอคาเดมีของมืออาชีพจึงทำให้ได้รับการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องจนระดับความสามารถเพิ่มสูงขึ้นครับ แต่ถึงกระนั้นหากมองในเรื่องของช่วงอายุ ประสบการณ์ในการเล่นกับนานาชาติดูจะยังไม่เพียงพอเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นด้วยความรู้สึกที่อยากจะช่วยทำให้เด็กไทยสามารถเรียนรู้ประสบการณ์การเล่นกับนักเตะต่างชาติได้นั้นคือการจัดทัวร์นาเมนต์ในลักษณะนี้ขึ้นมาครับ"
 
――ปัจจุบันนี้ในเจลีคมีนักเตะชาวไทยถึง 5 คน คิดว่านี่จะเป็นยุคใหม่ของนักเตะไทยหรือเปล่าครับ?

"การได้มาค้าแข้งกับเจลีคของนักเตะระดับท็อปของไทยนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลา "การมาค้าแข้งกับต่างชาติ" ที่แสนเหมาะสม การได้มาแลกเปลี่ยนกับภูมิภาคเอเชียกันเองจะเป็นการยกระดับผู้เล่นและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นครับ แต่ในฐานะผู้ฝึกสอนก็สามารถพูดได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น "มาตรฐานในประเทศ" สิ่งสำคัญคือการเรีนยรู้สภาพของต่างชาติจนนักเตะเอาไปพัฒนาตัวเอง ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็จะไม่เกิดการพัฒนาอย่างแน่นอนครับ"