อีกฟากหนึ่งคือทีมชาติเวียดนามที่เสมอ 2 แพ้ 1 ตกรอบแบ่งกลุ่มอย่างไม่สามารถสำแดงฤทธิ์เดชอะไรออกมาได้ หากมองแต่ทัวร์นาเมนต์นี้แล้วผลงานของทีมชาติไทยอยู่ในสภาพที่ดีกว่าและเหนือกว่า "คู่ปรับตลอดกาล" เลยก็ว่าได้

  ว่ากันตามตรงแล้วทางผู้เขียนเองก็รู้สึกแปลกใจกับความก้าวกระโดดของทีมชาติไทยที่สามารถสร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่องในเกม เรียกได้ว่าเหล่าช้างศึกสามารถสู้ได้อย่างองอาจ เพียงแต่ว่าโดยส่วนตัวของผู้เขียนแล้วก็ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นคือความเสถียรภาพแต่อย่างไร

  เมื่อรับมอบหมายพันธกิจอันยิ่งใหญ่จากสมาคมฟุตบอลไทย(การเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2026) นิชิโนะก็ทำการตอบสนองด้วยแผนการเสริมทีม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่สามารถสัมผัสได้จากคำพูดและบรรยากาศจากตัวของเขา เพียงแต่ว่าด้วยงบประมาณเมื่อเทียบกับที่เก่าอย่าง JFA(สมาพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่น)ที่เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่นั้นก็ไม่อาจเทียบกันได้ ไหนจะเรื่องความแตกต่างของวัฒนธรรมและแนวคิด ไหนจะเรื่องคำแนะนำที่ให้ไปแต่ก็เมินเฉย ถึงแม้จะเป็น "งานกุนซือคุมทีมชาติ" ก็ตามแต่มันก็เป็นงานที่ถูกว่าจ้าง ประหนึ่งกับการเดินทางมาทำงานไกลที่ต่างแดน เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงรู้สึกใกล้ชิดขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งก็ว่าได้กระมัง

  ในเดือนมีนาคมการแข่งขันรอบคัดเลือกของศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 จะหวนกลับมาอีกครั้ง ไม่มีพื้นที่ชื่นชมพัฒนาการของทีมอีกแล้ว ผลลัพธ์คือสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่มีแต่การแข่งขันยาก ๆ เฝ้ารออยู่ น่าสนใจเหลือเกินว่านิชิโนะจะโชว์ของดีในการคุมทีมออกมาได้หรือไม่

ข่าวโดย ซาซากิ ยูสุเกะ