สิ่งที่บดขยี้ว่าที่ขุมทรัพย์เพชรน้ำแท้คนนี้คืออาการบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฤดูกาล 2008-2009 เขามีอาการเจ็บหน้าท้อง กระดูกบั้นเอว อาการปวดบวมที่บริเวณหว่างขาจนทำให้สามารถลงเล่นได้เพียง 8 เกมอย่างเป็นทางการเท่านั้น พอร่างกายกลับมาหายดีจนเป็นที่คาดหวังถึงผลงานในฤดูกาลถัดมา แต่แล้วในเดือนธันวาคม 2009 เขาก็ได้รับบาดเจ็บระหว่างฝึกซ้อมจนทำให้เอ็นไขว้หน้าข้อเข่าเสียหายหนักจนต้องถอนตัวไปจากฤดูกาลนั้นจำเป็นต้องพักฟื้นเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง นั่นจึงหมายความว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นทำให้เสียเวลาชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์ถึง 3 ฤดูกาล
 
  เมื่อร่างกายหายดีในปี 2011-2012 ก็กลับมาลงสนามอีกครั้ง เขาย้ายไปเล่นให้กับเลสเตอร์ซิตี้ที่อยู่ลีก 2 ในสมัยดังกล่าว ทว่าด้วยรูปร่างที่มีน้ำหนักมากเกินไปจึงเรียกฟอร์มการเล่นได้ไม่ดี มิหนำซ้ำเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ในเดือนมกราคมก็มีอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ลงสนามเพียงแค่ 9 นัดในฐานะนักเตะยืมตัวแล้วก็ย้ายกลับสู่สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้

  ในช่วงเวลานั้นเองที่เขามีเรื่องมีราวนอกสนาม ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 เขาถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับกระนั้นก็ยังไม่สำนึกจน 4 เดือนให้หลังก็ก่ออุบัติเหตุขึ้นมาจากการเมาแล้วขับเหมือนเดิมจนต้องถูกจับกุมตัวอีกครั้ง

  ฮามานระบุว่า "เขาไม่สามารถเอาชนะต่อสิ่งยั่วยวนได้" ภายหลังจากนั้นเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับทาง Manchester Evening News พร้อมกับเปิดเผยถึงอาการป่วยทางจิตเภช ภาวะการเสพติดแอลกอฮอล์พร้อมกับการเสพติดการพนันจนต้องเข้าไปรับการบำบัดภายในคลินิกเฉพาะทาง 
 
  หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว 6 เดือนให้หลังเขาก็ถูกไล่ออกมาจากแมนเชสเตอร์ซิตี้พร้อมกับปิดม่านฉากชีวิตการค้าแข้งของตัวเองลงที่วัย 24 ปีทั้งที่ยังหนุ่มแน่น กุนซือในสมัยนั้นอย่างโรแบร์โต้ มันชินี่ระบุว่า "ภายในตัวของไมเคิลมีความเป็นไปได้อย่างมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ เสียใจเหลือเกินที่เขาจากไป" 
 
  หลังจากแขวนสตั๊ด 2 ปีให้หลังในปี 2015 จอห์นสันก็เริ่มกิจการอสังหาริมทรัพย์ภายในเมือง Urmston บ้านเกิดของเขาที่อยู่นอกชานเมืองแมนเชสเตอร์ เขาร่วมงานกับคนรู้จักเพื่อก่อตั้งบริษัทขึ้นมา ทว่าในปัจจุบันกิจการดังกล่าวไม่มีชื่อของจอห์นสันอีกต่อไปแล้ว
 
  "ชีวิตการค้าแข้งของผมนั้นตกต่ำยิ่งกว่าใครอื่นใด มันจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่มีคนยุ่งกับผม ขอให้ผมอยู่คนเดียวตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เถอะ"
 
  นักเตะพรสวรรค์ที่ต้องยุติอาชีพการค้าแข้งของตัวเองลงทั้งที่ยังอายุน้อยนั้น เขาหายไปจากเวทีลูกหนังด้วยเรื่องราวเช่นนี้นี่เอง

ข่าวโดย ทาจิมะ โคสุเกะ
 
※คัดลอกบทความมาจากนิตยสาร World Soccer Digest ฉบับวันที่ 16 พฤษภาคม