ตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมาจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างสนามจึงทำให้งบสำหรับซื้อตัวนักเตะถูกจำกัดเอาไว้ ไม่สามารถสร้างทีมที่ตัวเองพึงพอใจออกมาได้ แต่กระนั้นปอเช็ตติโน่ก็ยังมีความหนักแน่นว่าจะอยู่กับสเปอรส์ต่อไป เขาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดจนเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด พยายามทำให้สเปอรส์เข้าร่วมแชมป์เปี้ยนส์ลีกให้ได้ในทุกฤดูกาลเพื่อเป็นการยกระดับสโมสรขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่

  เขากลายเป็นกุนซือชาวอาร์เจนตินาคนที่ 6 ที่พาสโมสรเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปได้ ซึ่งปอเช็ตติโน่ก็เปิดเผยเหตุผลที่หลั่งน้ำตาหลังการแข่งขันจบลงว่า "ผมไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปแล้วครับ" เป็นการบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจและความเชื่อใจที่มีต่อลูกทีมอย่างมหาศาล
 

  "ขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวของพวกเรา โดเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวและแฟน ๆ ที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นมาโดยตลอด นี่คือชัยชนะที่แสนยอดเยี่ยมมาก ของสิ่งนี้คือรางวัลที่แสนยิ่งใหญ่ ขณะนี้พวกเรากำลังมีฤดูกาลที่แสนยอดเยี่ยม ตอนนี้พวกเราได้สนามใหม่มาครองแล้ว นอกจากนั้นพวกเราก็คว้าตำแหน่ง Top4 ในพรีเมียร์ลีกมา 4 ปีต่อเนื่อง เมื่อคำนึงถึงความเหนื่อยยากตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้นนี่ก็เป็นผลงานแสนยอดเยี่ยมจนทำให้ผมรู้สึกทึ่งเลย สำหรับผมแล้วนี่คือความสุขอย่างมหาศาล ผมซาบซึ้งและขอบคุณในตัวของทุกคนจริง ๆ ครับ"

  ภายใต้ปอเช็ตติโน่ผู้มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าได้นำให้สโมสรไก่เดือยทองคว้าบิ๊กเยียร์มาครองด้วยมือข้างหนึ่งได้แล้ว แม้คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศจะเป็นคู่ปรับในพรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูลก็ตาม แต่ก็น่าสนใจเหลือเกินว่าบทสรุปนั้นจะลงเอยอย่างไร... การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่กรุงมาดริดในวันที่ 1 มิถุนายนห้ามพลาดเป็นอันขาด

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest