อย่างเช่นตอนช่วงทดเวลาแรกในครึ่งแรกที่เอ็มบาปเป้ทำประตูนำได้นั้น ก็มีเพียงแค่ซาไกคนเดียวเท่านั้นที่วิ่งไล่ตามเอ็มบาปเป้แล้วเกือบบล็อคได้ทัน

  "ผมพุ่งเข้าไปสไลด์ขวางได้ทันอยู่ครับ แต่บอลน่าจะลอดใต้เท้าพอดี วันนี้ผมมีโอกาสได้พัวพันกับบอลเยอะเลยครับ ตอนปั้นเกมขึ้นหรือตอนดวลตัวต่อตัวผมไม่มีปัญหาเลย แต่ตอนโยนบอลข้ามฝั่ง(ของPSG)มันโชคร้ายมากครับ ถ้าโชคดีตอนบอลกระดอนพื้นคงเด้งมาทางผม แต่มันกลับโชคร้ายเด้งไปเข้าทางนู้น แต่กีฬามันก็เป็นแบบนี้แหละครับ"

  ซึ่งจังหวะเสียประตูที่ 2 ในนาที 66 ก็เป็นดังนั้น

  ในจังหวะที่ลูกบอลกำลังนัวเนียอยู่นั้น ซาไกเข้าไปร่วมวงแย่งลูกด้วย ทว่าในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นบอลก็ลอดทะลุขาจนเข้าทางดิมาเรียที่ไร้ตัวประกบจนทำการสังหารประตูไป
 

  พอถามซาไกถึงประเด็นดังกล่าวนี้ "ประตูที่สองที่เสียไปนั้น..." เขาก็หยุดหายใจลงชั่วครู่เพื่อเรียบเรียงถ้อยคำออกมา

  "อุบัติเหตุครับ ผมไม่ได้เสียดายลูกนั้นอะไรขนาดนั้น พวกเราจัดระบบกันดีแต่ก็ยังเสียประตูได้ แน่นอนว่าฝั่งตรงข้ามเขาคล่องกว่าครับ การทำประตูได้ในมุมนั้นเนี่ยมีแต่นักเตะระดับเวิร์ลคลาสเท่านั้น แต่ทั้งที่พวกเราเตรียมพร้อมแล้วแต่กลับเสียประตูได้ มันไม่ใช่ความเจ็บใจที่เกิดจากการถูกทำลายแต่เป็นการหลุดรอดไปได้มากกว่าครับ"

  ในการให้สัมภาษณ์ในหนนี้ซาไกพูด "เจ็บใจ" ซ้ำหลายครั้ง สิ่งนั้นน่าจะหมายถึงความเจ็บใจที่วันนี้มีโอกาสเอาชนะ PSG และทำไม่ได้ รวมทั้งความเสียใจที่ไม่สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามในเส้นแดนสุดท้ายของตัวเองได้กระมัง ซึ่งทางซาไกก็กล่าวชมเกมรุกของ PSG ในวันนี้ว่า

  "พวกเขามีระดับชั้นเชิงที่สูงมากเลยครับ เรื่องความแน่นอนในการทำประตูนั้นพวกเรายังต่างกันเยอะมาก ดิมาเรียไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็เล่นได้อย่างน่าสะพรึงกลัวเสมอ นอกจากนั้นก็ยังมีนักเตะหลายคนที่ใช้ทักษะของตัวเองเพื่อช่วยให้ทีมคว้าชัยได้ด้วย พวกเขารู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเอาชนะได้ มีความสามารถในการตัดสินใจที่ดี มิหนำซ้ำยังสามารถแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งทีมอีกด้วย"

  แม้มาร์กเซยจะโชว์ฟอร์มการเล่นที่ดีเยี่ยมที่ไม่แพ้ใครเลยนับตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ในเกมเจอกับ Dijon FCO แต่แม้จะพ่ายแพ้ในเกมนี้ก็ไม่อาจจะจมปลักต่อไปได้ "ไม่ใช่เพราะว่าฝั่งตรงข้ามคือ PSG แต่การแข่งขันหนึ่งนัดก็คือหนึ่งนัด พวกเรายังมีการแข่งขันนัดหน้าที่เฝ้ารออยู่ จะมองเป็นกรณีพิเศษไม่ได้" ซาไกตั้งใจมั่นเพื่อมุ่งหน้าสู่การแข่งขันนัดถัดไป

  การแข่งขัน Le Classique ในปีก่อนนั้นทีมแพ้ราบคาบด้วยสกอร์ 0-3 ในตอนนั้นซาไกถูกเปลี่ยนออกนาที 59 แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้ซาไกสามารถต่อกรกับเอ็มบาปเป้และดิมาเรียที่มีฝีเท้าและความเร็วระดับโลกได้แล้ว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาเติบโตขึ้นขนาดไหน เขาควรจะภาคภูมิใจในจุดนี้

  ซาไกคือนักเตะที่กำลังจะกลายเป็นคนสำคัญของมาร์กเซยไปแล้ว หวังว่าเขาจะสั่งสมประสบการณ์ติดตัวเพื่อการไขว่คว้าหาชัยชนะในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ข่าวโดย ยูกิ มาริเอะ