Pick Up!

  • トップ
  • ニュース一覧
  • เหตุใดนักเตะผู้ลงเล่นในเจลีคแค่ 1 นัดถึงได้รับการยอมรับที่เมืองไทย? การใช้ชีวิตของนักเตะวัย 36 ผู้ไล่ล่าความฝันในอาเซียน

เหตุใดนักเตะผู้ลงเล่นในเจลีคแค่ 1 นัดถึงได้รับการยอมรับที่เมืองไทย? การใช้ชีวิตของนักเตะวัย 36 ผู้ไล่ล่าความฝันในอาเซียน

カテゴリ:特集

佐々木裕介

2018/12/22

「ตอนที่เล่นอยู่ในญี่ปุ่นนั้น ผมเอาแต่คิดเรื่องยกระดับศักยภาพของตัวเองให้สูงขึ้น」

คาตาโนะดิ้นรนเรียนภาษาไทยในสมัยอยู่กับสุโขทัย เขามีประสบการณ์ลงเล่นใน ACL มาก่อนแล้ว

ภาพโดย: ซาซากิ ยูสุเกะ

画像を見る

――การเล่นให้กับตราดในฤดูกาลนี้ คุณได้รับตำแหน่งกัปตันด้วยใช่ไหมครับ
 
  "ส่วนสำคัญคือการพูดภาษาให้ได้ล่ะมั้งครับ ชาวต่างชาติที่ไม่ได้ภาษาไทยก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ แล้วคนไทยก็ต้องตีความอีกครั้ง ถึงสิ่งที่ผมต้องทำจะมีกว้างมาก แต่น่าประหลาดใจที่มันไม่ได้มีความรู้สึกเครียดหรืออะไรเลย ผมรู้สึกมีบุญด้วยซ้ำที่มีเพื่อนร่วมทีมคอยช่วยอยู่เสมอ"
 
――คุณคือนักเตะที่พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าล่องเรือในทะเลญี่ปุ่นได้สวยนัก แต่คุณก็ได้รับการยอมรับเมื่อข้ามน้ำข้ามทะเลมา กล่าวได้ว่าคุณเป็นอาเซียนดรีมเลย
 
  "ตอนที่เล่นอยู่ในญี่ปุ่นนั้น ผมเอาแต่คิดเรื่องยกระดับศักยภาพของตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งมันคือปัจจัยที่ทำให้ผมไม่ได้ลงแข่งนั่นเองครับ แต่พอลองออกมาต่างประเทศแล้ว ผมก็รู้สึกว่านั่นคือเงื่อนไขจำเป็นในฐานะมืออาชีพ สิ่งสำคัญคือว่าเราสามารถทำอะไรให้ทีมได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมตระหนักถึงเมื่ออยู่เมืองไทยครับ ในช่วงเวลานั้นผมเอาแต่หาข้ออ้างอยู่กับตัวเอง พอมาตอนนี้ผมก็คิดได้แล้วว่า ในตอนนั้นก็น่าจะทำแบบนั้นได้ ผมน่าจะเข้าใจความคิดเห็นของคนรอบข้างได้ครับ(หัวเราะ)"
 
――รู้สึกคุ้มค่าหรือเปล่าครับที่ได้มาค้าแข้งอยู่ในเมืองไทยแบบนี้
 

  "ผมได้รับการชื่นชมในเมืองไทย ผมกลายเป็นที่ยอมรับในเมืองไทย มันก็คงเป็นแบบนั้นล่ะมั้งครับ แต่ในช่วงหลังมานี้ผมก็เริ่มคิดเหมือนกันว่า หากผมค้าแข้งอยู่ที่ญี่ปุ่นล่ะก็ผมจะสามารถทำได้ถึงขั้นไหนกัน ความรู้สึกแบบนั้นมันก็มีบ้างครับ คงเรียกว่าเป็นความอยากรู้อยากลองล่ะมั้งครับ(หัวเราะ)"

คาตาโนะที่สัมผัสได้ในการให้สัมภาษณ์นั้น เขาบอกเล่าถึงประสบการณ์ในเมืองไทยที่ได้รับอย่างมากมาย

ภาพโดย: ซาซากิ ยูสุเกะ

画像を見る

  ไอดอลของคาตาโนะนั้นคือ "ฮิเดโทชิ นากาตะ" เขาคือนักเตะผู้มีความแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยสมดุล นอกจากนั้นในเมื่อ 7 ปีก่อนนากาตะก็มาที่เมืองไทยแล้วจัดการแข่งการกุศลขึ้นด้วย ในวันนั้นคาตาโนะก็ได้ลงแข่งร่วมกันกับเขา
 
  "แค่ทักทายเท่านั้นครับ ผมจำได้แค่อย่างเดียวว่าเมื่อถึงสนามผมก็กล่าวคำทักทายเขาเป็นคนแรก นอกจากนั้นก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกเลย ผมเขินมากเลยครับ"
 
  แม้ปากจะกล่าวแบบนั้นก็ตาม แต่การถ่ายภาพที่ระลึกหลังจบการแข่งขันในนัดนั้นคาตาโนะก็ได้ยืนกอดไหล่กับไอดอลของเขา บางทีนี้อาจจะเป็นฉากในความฝันจากการเชื่อมโยงในประเทศไทยก็ว่าได้
 
  บิดาของคาตาโนะล้มป่วยจากเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อเขายังเด็กอยู่ แต่แม้จะอยู่ในสถานภาพนั้นคาตาโนะก็ยังสามารถเล่นฟุตบอลที่เขารักต่อไปได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่มีวันที่จะล้มเลิกการเป็นนักฟุตบอลด้วยเจตนารมณ์ของตัวเองแน่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องการจะเล่นฟุตบอลให้ได้ตราบนานเท่านาน
 
  จากอดีตของเขาผู้เป็นชายที่เอาแต่คิดถึงเรื่องของตัวเองนั้น ในวันนั้นเขามีทั้งครอบครัว เพื่อนฝูงและแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนอยู่เสมอ  จนทุกวันนี้เขากลายเป็นมนุษย์ที่ทำเพื่อคนอื่น เป็นบุรุษที่แสนงดงาม
 
  คาตาโนะวัย 36 ปี เขาเริ่มเดินเครื่องสำหรับฤดูกาลหน้าที่จะมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้ว เขาช่างเป็นผู้ชายที่อุทิศให้กับฟุตบอลเป็นอย่างยิ่ง
 
■ประวัติ
คาตาโนะ ฮิโรมิจิ
เกิดปี 1982 เมืองฟุนาบาชิ จังหวัดจิบะ หลังจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยจุนเทนโดก็เล่นให้กับสโมสร Tochigi SC หลังจากนั้นก็อยู่กับ Sagawa Printing และ Giravanz Kitakyushu จนในปี 2011 ก็ย้ายมาค้าแข้งให้กับเมืองไทยแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น โดยเริ่มจากสโมสรโอสถสภาสระบุรี, Biu Chun Rangers(ฮ่องกง), สุโขทัย FC, ตราด FC ในฤดูกาลหน้าจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรศรีสะเกษ ความฝันแห่งอาเซียนของเขานั้นยังคงดำเนินต่อไป
 
ข่าวโดย ซาซากิ ยูสุเกะ
【関連記事】

Facebookでコメント