กุนซือลิลโล่ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "พวกเราควบคุมบอลตามที่ต้องการได้ แม้จะเสียประตูแต่ก็ตามกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พวกเราเล่นฟุตบอลที่คุมพื้นที่ในแดนฝั่งตรงข้ามอยู่เสมอ อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็ทำได้เช่นนั้นจนถึงนาทีที่ 70" เพราะฉะนั้นคำพูดที่มีการกล่าวไว้ว่า "การเพิ่มจำนวนครั้งในการรุกก็จะเป็นจำนวนครั้งในการรับที่ต้องลดลง" ที่เรียกได้ว่าเป็นสไตล์ของบาร์เซโลน่าไปนั่นเอง
สำหรับตัวของอิเนียสต้าที่รู้เรื่องนั้นดียิ่งกว่าใครอื่นใดนั้น เขาจึงถูกจัดให้มาประจำตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ของทีม ซึ่งนั่นก็ถือว่าสมเหตุสมผล แม้ใจจะอยากทำให้ทีมเป็นเหมือนยุคทองของบาร์เซโลน่าแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยสภาพทีมของโกเบนั้นหากทำเช่นนั้นก็อาจเป็นผลให้จำนวนครั้งในการจ่ายบอลลดลงก็เป็นได้
แต่กระนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีน้อยเลย จากที่สังเกตได้ว่าในระหว่างการแข่งขันทั้งอิเนียสต้าและลิลโล่ต้องมาให้คำแนะนำกับนักเตะแต่ละคนเรื่องการจ่ายบอลและครองพื้นที่อยู่หลายต่อหลายครั้งนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นเป็นอย่างดีว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งกว่าทีมจะสามารถปรับตัวได้ ซึ่งทางฟุจิตะก็พูดว่า "ถ้าสามารถรักษาระยะห่างให้คอมแพ็คเหมือนครึ่งแรกได้ล่ะก็ ทั้งอิเนียสต้าและทีมก็จะมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง แต่พอขาตายในครึ่งหลังก็ทำให้เกมชะงักลงไปเลย" ส่วนทางลิลโล่ก็พูดว่า "เนื่องจากต้องเล่นเพรสสูงตั้งแต่ครึ่งแรกเลยเป็นปัญหาที่ต้องทำให้จัดการกับอาการเหนื่อยล้า จากนี้ไปต้องเพิ่มความแม่นยำให้มากยิ่งขึ้น" ความเชื่องช้านั้นจะกลายเป็นดาบสองคมให้กับกลยุทธ์นี้นั่นเอง
อิเนียสต้า "กลายเป็นซาบี" ในถิ่นโกเบ ความแตกต่างด้านตำแหน่งกับสมัยบาร์ซ่านั้นจะเป็นผลอะไรหรือไม่?
カテゴリ:Jリーグ
2018/10/22
นี่คือดาบสองคมอย่างชัดเจน

แม้ลิลโล่จะยอมรับว่ากลยุทธ์ของเขายังไม่แทรกซึมเข้าสู่ตัวนักเตะดีนัก แต่เขาก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้
ภาพโดย: Soccer Digest Photo Team
แต่กระนั้นกุนซือลิลโล่ก็ยังกล่าวว่า "พวกเราทำในสิ่งมีเพียงแค่พวกเราเท่านั้นที่สามารถทำได้ จากนี้ไปอยากจะเพิ่มความแม่นยำให้มากยิ่งขึ้น" ซึ่งนั่นคือสิ่งที่บ่งบอกว่ากุนซือลิลโล่ยังไม่คิดที่จะทิ้งสไตล์การเล่นเกมแบบเน้นครองบอลโดยให้อิเนียสต้า "แปลงร่างเป็นซาบี" แต่อย่างใด
5 เกมล่าสุดเสมอ 1 แพ้ 4 ด้วยคะแนนที่ห่างจากโซนตกชั้นเพียง 4 แต้มนั้นแม้จะดูน่าหวาดเสียวก็ตาม แต่ก็น่าสนใจเหลือเกินว่าในเกมการแข่งขันที่เหลืออีก 4 เกมข้างหน้านั้น ทั้งวิสเซลโกเบและอิเนียสต้าจะเป็นอย่างไร
ข่าวโดย ชิราโทริ ไดจิ (World Soccer Digest Editorial Desk)