เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นคือหัวหอกตัวสำคัญของทีมอย่างแพทริคไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ ลูกกลางอากาศที่ถนัดของเขานั้นไม่สามารถเอาชนะ Center Back สองคนของชิมิซุอย่าง Hwang Seok-ho และ Paulo Freire ได้เลย จังหวะที่ทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของเขานั้นมีแค่การเลี้ยงพาบอลจากฝั่งซ้ายในนาทีที่ 55 และโยนลูกเข้ามาแต่เพียงเท่านั้น
หากดูข้อมูลก็ยิ่งเห็นภาพชัด การออกวิ่งในจุดที่ไม่มีตัวประกบนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับคิตาคาวะ โคยะของชิมิซุกับแพทริคเข้าล่ะก็ ของแพทริคมีแค่ครั้งเดียวแต่คิตาคาวะนั้นมีถึง 4 ครั้ง ในกรณีนี้จะนับเฉพาะการวิ่งที่เรียกว่าการ sprint ซึ่งมีความเร็วเกิน 24 km/h ซึ่งนั่นคือความเฉียบคมในการพาบอลออกไปยังเขตที่ไม่มีเกมรับของฝั่งตรงข้ามนั่นเอง
ทาง Hwang Seok-ho ก็ระบุว่า "การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเขาไม่ได้มีเยอะเลย โอกาสโจมตีของเขามีน้อยมาก แทบไม่สามารถสัมผัสถึงความน่ากลัวได้เทียบเท่ากับครั้งก่อน" ราวกับว่าสภาพร่างกายของทั้งแพทริคกับอินางากินั้นยังไม่สมบูรณ์ก็ว่าได้กระมัง แม้กระทั่งนักข่าวท้องถิ่นก็ยังรายงานเหมือนกันเลยด้วย
ฮิโรชิมะทรุดหนัก ไม่ชนะใครมา 5 นัดติด... วิเคราะห์สาเหตุจาก "สายตาคู่แข่ง"
カテゴリ:Jリーグ
2018/10/22
ฟอร์มของแพทริคที่ตกลงส่งผลกับผลงานของทีม แม้จะเปลี่ยนธีรศิลป์ลงจนสร้างโอกาสได้หลายครั้งก็ตาม...

แพทริคที่เล่นในเกมกับชิมิซุได้ไม่ดีนัก หวังว่าเขาจะฟื้นสภาพโดยเร็ว
ภาพโดย: คาเนโกะ ทาคุยะ (Soccer Digest Photo Team)
แต่ว่าการส่งธีรศิลป์เข้ามาลงสนามในนาทีที่ 49 นั้นและทำการปรับ ชิบาซากิ โคเซย์ ลงต่ำลงตั้งแต่ในนาทีที่ 56 ก็ทำให้การรุกที่เฉียบคมและโอกาสจบประตูเพิ่มขึ้นอย่างทันตาเห็น Besart Berisha ที่ถูกส่งมาลงสนามแทนแพทริคนั้นก็ยังครองบอลและสร้างโอกาสได้ดียิ่งกว่า น่าเสียดายที่ลูกโหม่งไม่สามารถก่อให้เกิดประตูได้ โอกาสทำประตูในครึ่งแรก 1 ครั้งและครึ่งหลัง 3 ครั้งนั้นต่างก็ถูกผู้รักษาประตูโรคุทัน ยูจิ ป้องกันเอาไว้ได้หมดเลย แต่หากว่ากันตามตรงแล้วลูกสวย ๆ เหล่านั้นถ้าจะเกิดขึ้นเป็นประตูสัก 2-3 ลูกมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
หากลูกเตะของคุโด้ มาซาโตะเป็นประตูขึ้นมาล่ะก็ ไม่กล้าฟันธงเลยว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหน บางทีอาจจะเป็นสถานการณ์ที่มักจะพูดกันบ่อยว่า "แค่ลูกเดียวก็เปลี่ยนเกม" ก็ได้กระมัง
แต่สิ่งที่กัปตันทีมชิมิซุอย่าง ทาเคอุจิ เรียว กล่าวออกมานั้นนับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ขอลงท้ายบทความนี้ด้วยส่วนหนึ่งในคำสัมภาษณ์ของเขา
"ถ้าเป็นทีมที่แข็งแกร่งล่ะก็ แค่เห็นสภาพของพวกเขาตอนยืนเรียงก่อนเริ่มการแข่งขันนั้นก็ทำให้สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งได้แล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ไม่สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งได้ กลับรู้สึกถึงความอ่อนแอก็ว่าได้กระมัง มันทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้ทีมจะไม่แพ้แน่นอน"
การที่สัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ได้นั้น ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ระบุว่าชิมิซุนั้นเติบโตไปมากถึงขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า รังสีที่ฮิโรชิมะขับออกมาในตอนนี้นั้น ดูไม่ดุดันเหมือนกับในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกเลย
ข่าวโดย มาเอจิมะ โยชิโอะ
หากลูกเตะของคุโด้ มาซาโตะเป็นประตูขึ้นมาล่ะก็ ไม่กล้าฟันธงเลยว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหน บางทีอาจจะเป็นสถานการณ์ที่มักจะพูดกันบ่อยว่า "แค่ลูกเดียวก็เปลี่ยนเกม" ก็ได้กระมัง
แต่สิ่งที่กัปตันทีมชิมิซุอย่าง ทาเคอุจิ เรียว กล่าวออกมานั้นนับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ขอลงท้ายบทความนี้ด้วยส่วนหนึ่งในคำสัมภาษณ์ของเขา
"ถ้าเป็นทีมที่แข็งแกร่งล่ะก็ แค่เห็นสภาพของพวกเขาตอนยืนเรียงก่อนเริ่มการแข่งขันนั้นก็ทำให้สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งได้แล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ไม่สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งได้ กลับรู้สึกถึงความอ่อนแอก็ว่าได้กระมัง มันทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้ทีมจะไม่แพ้แน่นอน"
การที่สัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ได้นั้น ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ระบุว่าชิมิซุนั้นเติบโตไปมากถึงขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า รังสีที่ฮิโรชิมะขับออกมาในตอนนี้นั้น ดูไม่ดุดันเหมือนกับในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกเลย
ข่าวโดย มาเอจิมะ โยชิโอะ