จอร์จินโญได้รับตำแหน่งเป็นเพลย์เมคเกอร์ประจำทีมทันทีนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาได้ 2 เดือน ค่าเฉลี่ยในการจ่ายบอลของเขาในแต่ละเกมนั้น นอกจากจะสูงสุดของทีมตั้งแต่สมัยยังอยู่นาโปลีแล้ว ก็ยังสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในพรีเมียร์ลีคอีกด้วย
 
  แม้ความสำเร็จในระดับสโมสรของจอร์จินโญจะได้รับการยอมรับจากลีคทั้งสองประเทศก็ตาม แต่ในระดับชาตินั้นเรียกได้ว่าผลงานยังไม่เห็นชัดนัก ในสมัยที่อันโตนิโอ คองเต้ คุมทีมชาติอิตาลี จอร์จินโญถูกเรียกตัวไปยังแคมป์ทีมชาติในช่วงเดือนมีนาคมปี 2016 จากฝีมือที่เข้าตาในการลงเล่นกับในนาโปลี ทว่าการทดสอบตัวของเขาก็เป็นอันล้มเหลวเมื่อเขาไม่ผ่านการคัดตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมจนไม่ติดตัวจริงที่จะลงแข่งใน EURO2016 ไป
 
  ส่วนทางฟุตบอลโลกที่มี Gian Piero Ventura เป็นกุนซือนั้น เขาก็ไม่ได้รับการรับเลือกเนื่องเหมือนกรณีเดียวกันกับคองเต้ ในตอนนั้นกุนซือเลือก Daniele De Rossi ให้เป็นห้องเครื่องในเกมรับแทน แม้เวลาจะผ่านไปหนึ่งปีครึ่งก็ตาม แต่จอร์จินโญก็ไม่ได้รับการเรียกตัวให้ไปทดสอบกับทีมชาติแม้แต่เพียงครั้งเดียว
 
  ทว่าจู่ ๆ เมื่อพฤศจิกายนปีก่อนเกม Play-off กับทีมชาติสวีเดนจอร์จินโญก็ถูกเรียกตัวให้ไปเล่นในเกม 2nd Leg เพียงแต่ว่าเขาไม่คุ้นชินกับระบบของทีมเนื่องจากถูกเรียกตัวให้เข้าไปฝึกซ้อมได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น จึงไม่สามารถโชว์ฟอร์มการจ่ายลูกได้เท่าที่ควรและไม่สามารถช่วยทำให้ทีมคว้าชัยชนะในการแข่งขันได้

  เพียงแต่มันชีนี่เรียกตัวจอร์จินโญมาเป็นหัวใจสำคัญของทีม เขาต้องการปั้นทีมให้คุมลูกบอลและปั้นเกมรุกอย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะนั่นคือสิ่งจำเป็น การทำให้เกมตรงกลางและการควบคุมบอลตรงกลางสนามแข็งแกร่งนั้นจะเป็นผลดีที่ทำให้ด่านสุดท้ายมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
 
  Leonardo Bonucci ผู้คว้าตำแหน่ง Center Back ของทีมชาติไปนั้นกล่าวได้ว่าเป็น "ปราการหลังที่แข็งแกร่งที่สุด" เลยก็ว่าได้ เขามีอาวุธทีเด็ดที่เรียกว่าการจ่ายยาวไปยังแถวหน้าอย่างเฉียบคม เพียงแต่ว่าในการจะดึงเอาประโยชน์จากตรงนี้ออกมาให้ได้ถึงที่สุดนั้น การจะรับลูกจากประการด่านสุดท้ายให้ดีเกมตรงกลางต้องสามารถควบคุมจังหวะของการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นคือเงื่อนไขสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ของห้องเครื่องที่แดนกลางนั่นเอง และแน่นอนว่าผู้ที่ต้องแบกภาระดังกล่าวนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากจอร์จินโญนั่นเอง