สภาพไม่ต่างอะไรกับหลังพายุพัดผ่านพ้นไปจริง ๆ
วันที่ 11 กรกฎาคมตามเวลาท้องถิ่น การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึก EURO2020 อิตาลีปะทะเจ้าภาพอังกฤษที่สนามเวมบ์ลีย์ การแข่งขันจบ 90 นาทีเสมอกันที่ 1-1 แต่ทีมอิตาลีเอาชนะในการดวลจุดโทษส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์จ้าวแห่งยุโรปสมัยที่ 2 ได้ในรอบ 53 ปี
หลังการรับถ้วยรางวัลที่แสนยิ่งใหญ่จบลง เมื่อทีมอิตาลีกลับเข้าสู่ห้องแต่งตัวพวกเขาก็เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ โดยภาพที่เผยแพร่ออกมาในโลกออนไลน์นั้นคือเหล่าขุนพลอัสซูรี่ที่แสนคึกคัก นอกจากนั้นก็เป็นภาพของดานิเอเล่ เด รอสซี่ ที่เป็นตำนานทีมชาติอิตาลีผู้เป็นหนึ่งในทีมโค้ชของทีมชาติชุดนี้ได้กระโดดพุ่งลงบนโต๊ะที่เปียกปอนไปด้วยเบียร์อย่างสนุกสนาน
【VIDEO】เด รอสซี่กระโดดพุ่งอย่างสุดคึก! บรรยากาศห้องแต่งตัวหลังคว้าแชมป์ของทีมชาติอิตาลีที่กลายเป็นงานปาร์ตี้
หลังจากเวลาผ่านไปจนงานเลี้ยงเลิกรา สิ่งที่เป็นประเด็นให้ความสนใจกันต่อมานั้นคือสภาพของห้องแต่งตัวที่เละเทะกระจัดกระจาย ไม่ว่าจะเป็นกระป๋องเบียร์ ขวดไวน์ ขวดแชมเปญล้วนว่างอยู่เกลื่อนกลาด ถุงเท้า กางเกงบ็อกเซอร์ รองเท้าแตะ ผ้าขนหนูล้วนวางไม่เป็นที่เป็นทางแล้วอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมกันทั้งหมดทั้งสิ้น
「ราวกับสนามรบ」สื่ออังกฤษแฉทัพอิตาลีที่ทำห้องแต่งตัวเละเทะ! 「ฝั่งแพ้และชนะต่างกันคนละขั้ว」
カテゴリ:国際大会
2021/07/15
กระป๋องเบียร์ ขวดไวน์ แชมเปญเกลื่อนกลาดไปหมด
ภาพดังกล่าวที่เกิดขึ้นทางสื่ออังกฤษอย่าง The Sun ได้ประชดว่าเป็น "สนามรบ(battlefield)" พร้อมกับเปรียบเทียบความแตกต่างของชาติตนเองออกมาดังนี้
"ฝั่งแพ้และชนะนัน้ช่างแตกต่างกันคนละขั้ว ที่ฝั่งผู้เข้าชิงที่พ่ายแพ้ บนโต๊ะมีกล่องพิซซ่าที่พับเก็บวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อย ช่างแสนเหลือเชื่อจริง ๆ ทัพขุนพลสิงโตคำรามของเซาต์เกตช่างน่าเคารพยิ่งนักเลย"
【PHOTO】ความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของสองชาติผู้ท้าชิง... ขยะเกลื่อนกลาดไปหมด
เพียงลำพังความประพฤติของแชมป์ก็ไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรต่อการเชยชมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทางฝั่งผู้แพ้ยิ่งมีความรู้สึกหนักหน่วงขึ้นไปอีกเลย
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest
"ฝั่งแพ้และชนะนัน้ช่างแตกต่างกันคนละขั้ว ที่ฝั่งผู้เข้าชิงที่พ่ายแพ้ บนโต๊ะมีกล่องพิซซ่าที่พับเก็บวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อย ช่างแสนเหลือเชื่อจริง ๆ ทัพขุนพลสิงโตคำรามของเซาต์เกตช่างน่าเคารพยิ่งนักเลย"
【PHOTO】ความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของสองชาติผู้ท้าชิง... ขยะเกลื่อนกลาดไปหมด
เพียงลำพังความประพฤติของแชมป์ก็ไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรต่อการเชยชมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทางฝั่งผู้แพ้ยิ่งมีความรู้สึกหนักหน่วงขึ้นไปอีกเลย
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest