สโมสร Real Sociedad แสดงฟอร์มการเล่นอย่างงดงามภายในประเทศสเปนที่เป็นต้นตำหรับแห่งฟุตบอลเกมรุก
ขณะนี้ทีมอยู่อันดับ 6 ที่คว้าโควต้าศึกยูโรป้าได้โดยที่มีการแข่งขันน้อยกว่าทีมอื่นอยู่ 1 นัด หากเอาชนะ Eibar ในนัดตกค้างได้ล่ะก็ทีมก็จะขึ้นไปแตะอันดับ 4 เพื่อลุ้นชิงตั๋วศึก UEFA Champions League ได้เลยทันที
นอกจากนั้นในการแข่งขันศึก Copa del Rey ในวันที่ 4 มีนาคมที่เลก 2 ทีมก็เอาชนะ Mirandes ได้ 1-0(สกอร์รวม 2 นัดเป็น 3-1) จนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่จะเตะกันในวันที่ 18 เมษายนกับ Athletic Bilbao หากทีมสามารถเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองที่เรียกเป็นศึก Basque derby ได้ล่ะก็จะสามารถคว้าแชมป์มาครองในรอบ 33 ปีได้
ซึ่งผู้ที่นำเกมรุกของ La Real(ชื่อเล่นของเรอัลโซเซียดัด) คือมิดฟิลด์ทีมชาตินอร์เวย์ Martin Ødegaard เด็กหนุ่มวัย 21 ปีที่เล่นยืมตัวอยู่เรอัลโซเซียดัดจากต้นสังกัดเก่าเรอัลมาดริด เขาลงสนาม 27 นัดยิงไปแล้ว 7 ลูกแอสซิสต์มาแล้ว 8 หน อาวุธของเขาคือเท้าซ้ายที่มีความแม่นยำสูง มีฟอร์มการเล่นที่สามารถสร้างโอกาสและยังทำประตูเองได้ เรียกได้ว่าเป็นนักเตะเกมรุกที่ครบเครื่องคนหนึ่ง
「ปลื้มเมสซี่มาก...」โอเดอโกร์ "เจ้าหนุ่มมหัศจรรย์" เหตุใดเขาจึงเลือกมาดริดแทนที่บาร์ซ่า?
カテゴリ:ワールド
2020/03/07
ไพ่ตายสำหรับการคว้าแชมป์ในรอบ 33 ปี

โอเดอโกร์ที่เก็บสถิติยิง 7 จ่าย 8 แล้วในตอนนี้ เขาเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญของเรอัลโซเซียดัด
(C)Getty Images
โอเดอโกร์เริ่มต้นจากการค้าแข้งที่สโมสร Strømsgodset ที่ประเทศบ้านเกิดของตัวเองในวัย 15 ปี มิหนำซ้ำยังติดนักเตะชุดใหญ่ในวัยเพียงเท่านั้น จากนั้นในอีก 4 เดือนต่อมาเขาก็ได้สถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของนอร์เวย์ที่ติดทีมชาติ เขากลายเป็น "เจ้าหนูอัจฉริยะ" อย่างเป็นที่โด่งดังทั่วทั้งโลก
จนเมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคมของปีนั้นในวัยที่โอเดอโกร์อายุครบ 16 ปี เขาเข้าสู่ช่วงอายุที่สามารถย้ายไปเล่นในเขต EU ได้ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวได้รับข้อเสนอจากสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างมากมาย จนในเดือนมกราคม 2015 เขาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเรอัลมาดริดเข้า
ทว่าในตอนนั้นก็มีหลายกระแสที่เชื่อว่าโอกาสที่เขาจะย้ายเข้าบาร์เซโลน่านั้นไม่ได้มีน้อยเลย โดยในเกมลาลีกานัดที่ 27 ในวันที่ 7 มีนาคมที่บุกไปเยือนบาร์ซ่านั้น เอเยนต์ของโอเดอโกร์ในสมัยนั้นอย่างเคนต์ คาร์ลเซนได้ระบุในรายการวิทยุของสเปน SER จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น AS ดังนี้
"ครั้งแรกสุดมีการหารือกันเกิดขึ้นที่นอร์เวย์ หลังจากนั้นก็ถูกเชิญโดยบาร์ซ่า ได้พบกับ Sporting Director ของบาร์ซ่าอย่าง Andoni Zubizarreta เลยได้พูดคุยถึงโครงการฟูมฟักพัฒนาที่ทุ่มเทเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนั้นก็ยังถูกเชิญให้ไปชมการแข่งขันศึก UEFA Champions League ระหว่างบาร์ซ่ากับอาแย็กซ์อีกด้วย มันช่างเป็นค่ำคืนที่วิเศษมากจริง ๆ
ทางพ่อของมาร์ตินเองก็คิดเหมือนกันว่าการย้ายไปสโมสรใหญ่ ๆ นั้นเป็นความคิดที่ดีมาก แต่บาร์ซ่าในสมัยนั้นโดนคาดโทษเรื่องการทำสัญญากับนักเตะที่ยังไม่ลุนิติภาวะจากทาง FIFA เลยกลายเป็นข้อเสียเปรียบ จึงทำให้มาร์ตินจำเป็นต้องค้าแข้งที่นอร์เวย์ต่ออีก 1 ปี ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทางฝั่งนักเตะปฏิเสธ เขาไม่อยากจะเป็นแบบนั้น"
【VIDEO】รวมไฮไลท์ฟอร์มการเล่นแสนสุดยอดของ "เจ้าหนุ่มมหัศจรรย์" โอเดอโกร์“!
จนเมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคมของปีนั้นในวัยที่โอเดอโกร์อายุครบ 16 ปี เขาเข้าสู่ช่วงอายุที่สามารถย้ายไปเล่นในเขต EU ได้ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวได้รับข้อเสนอจากสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างมากมาย จนในเดือนมกราคม 2015 เขาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเรอัลมาดริดเข้า
ทว่าในตอนนั้นก็มีหลายกระแสที่เชื่อว่าโอกาสที่เขาจะย้ายเข้าบาร์เซโลน่านั้นไม่ได้มีน้อยเลย โดยในเกมลาลีกานัดที่ 27 ในวันที่ 7 มีนาคมที่บุกไปเยือนบาร์ซ่านั้น เอเยนต์ของโอเดอโกร์ในสมัยนั้นอย่างเคนต์ คาร์ลเซนได้ระบุในรายการวิทยุของสเปน SER จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น AS ดังนี้
"ครั้งแรกสุดมีการหารือกันเกิดขึ้นที่นอร์เวย์ หลังจากนั้นก็ถูกเชิญโดยบาร์ซ่า ได้พบกับ Sporting Director ของบาร์ซ่าอย่าง Andoni Zubizarreta เลยได้พูดคุยถึงโครงการฟูมฟักพัฒนาที่ทุ่มเทเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนั้นก็ยังถูกเชิญให้ไปชมการแข่งขันศึก UEFA Champions League ระหว่างบาร์ซ่ากับอาแย็กซ์อีกด้วย มันช่างเป็นค่ำคืนที่วิเศษมากจริง ๆ
ทางพ่อของมาร์ตินเองก็คิดเหมือนกันว่าการย้ายไปสโมสรใหญ่ ๆ นั้นเป็นความคิดที่ดีมาก แต่บาร์ซ่าในสมัยนั้นโดนคาดโทษเรื่องการทำสัญญากับนักเตะที่ยังไม่ลุนิติภาวะจากทาง FIFA เลยกลายเป็นข้อเสียเปรียบ จึงทำให้มาร์ตินจำเป็นต้องค้าแข้งที่นอร์เวย์ต่ออีก 1 ปี ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทางฝั่งนักเตะปฏิเสธ เขาไม่อยากจะเป็นแบบนั้น"
【VIDEO】รวมไฮไลท์ฟอร์มการเล่นแสนสุดยอดของ "เจ้าหนุ่มมหัศจรรย์" โอเดอโกร์“!