ศึกเจลีกใกล้จะเปิดฉากกันในสัปดาห์นี้แล้ว แม้ความรู้สึกที่อดทนรอไม่ไหวจะเข้ามาใกล้ในทุกขณะ กระนั้นข่าวคราวของประเทศอื่นนั้นก็ยังมีเรื่องราวมากมายเหมือนเดิมอย่างไม่เปลี่ยนไปไหน

  สำหรับศึกไทยลีกที่ถูกขนานนามเป็น "ลีกอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เตะไวกว่าเจลีก 1 สัปดาห์ นัดเปิดสนามเพิ่งเตะกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

  คู่เปิดสนามที่น่าจับตามองนั้นคือการเจอกันระหว่างสมุทรปราการซิตี้ FC และ เชียงรายยูไนเต็ด ทางสมุทรปราการที่เป็นคลื่นลูกใหม่ในฤดูกาลที่ผ่านมานั้นต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "แชมป์เก่า" เชียงรายยูไนเต็ด กลายเป็นศึกไฟรเดย์ไนท์ที่ผู้คนจับตามองเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นแล้วด้วยผลต่อเนื่องจากการรุกตลาดไทยลีกจึงทำให้ศึกครั้งนี้เป็นการปะทะกันของกุนซือชาวญี่ปุ่นอีกด้วย โดยในวันนี้กุนซือทีมชาติไทยอย่างนิชิโนะ อากิระก็มารับชมการแข่งขันด้วย

  ฝั่งของสมุทรปราการคืออิชิอิ มาซาทาดะ(อดีตกุนซือคาชิม่า) ส่วนฝั่งเชียงรายยูไนเต็ดคือทาคิ มาซามิ(อดีตกุนซือสโมสรไทยฮอนด้า) การแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แม้ทางสมุทรปราการจะช่วงชิงโอกาสทำประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็วในครึ่งแรกก่อนก็ตาม แต่พอเข้าครึ่งหลังเมื่อโดนแนวรุกของเชียงรายกดดันหนักเลยถูกตีเสมอไป แต่อาจจะเป็นเพราะว่านี่คือช่วงเปลี่ยนผลัดกุนซือด้วยกระมัง จึงทำให้การแข่งขันในนัดเปิดสนามนี้ดีกรีความเข้มข้นและความแม่นยำออกจะกร่อยไปสักหน่อย

  โดยเฉพาะสำหรับเชียงรายยูไนเต็ดที่มีศึกแชมป์เปี้ยนส์คัพ(นัดโหมโรงไทยลีกที่เป็นศึกระหว่างแชมป์เก่าและแชมป์บอลถ้วยในปีก่อน)และศึก ACL ที่เริ่มต้นขึ้นก่อนแล้วนั้นก็ทำให้เหล่านักเตะมีความเหนื่อยล้าสะสมจนมองเห็นชัดอย่างมองออกทางสีหน้าได้เลย

  "ด้วยเป้าหมายเก็บ 3 คะแนนในบ้านให้ได้นั้นเลยตั้งใจสู้ทั้ง 90 นาที เพียงแต่ว่าการเก็บได้เพียง 1 คะแนนนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ในครึ่งแรกฝั่งตรงข้ามเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่ในครึ่งหลังพวกเราก็ต่อบอล สามารถทำฟุตบอลในแบบฉบับพวกเราได้ ซึ่งตรงนี้คือจุดที่น่ายินดีครับ" (กุนซืออิชิอิ)

  "นี่คือการแข่งขันที่อยากได้ชัยชนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไร" (กุนซือทาคิ)

  ในช่วงให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขัน ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของกุนซืออิชิอิที่คุมทีมลงศึกที่ไทยเป็นนัดแรกนั้นค่อนข้างดูนิ่มนวลกว่าที่คิด ส่วนกุนซือทาคิที่ปากพูดว่า "ดีใจที่เก็บ 1 คะแนนได้" แต่กระนั้นก็สัมผัสได้ถึงใจจริงที่แตกต่างออกไป มันคงเป็นความกดดันอันหนักหน่วงของการคุมแชมป์ปีก่อน รวมไปถึงการทำทีมให้เป็นระบบ เป็นองค์กรเพื่อสู้ในเวทีเอเชียกระมัง