ชาวต่างชาติผู้เป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูสโมสร Nagoya Grampus อย่างโจ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลได้บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ต้องการจะคว้าแชมป์ออกมา

  ยอดดาวยิงผู้ย้ายจากสโมสร Corinthians มาอยู่กับนาโกย่าในปี 2018 นั้น ในปีแรกที่เขาย้ายมาได้ตำแหน่งดาวซัลโวด้วยผลงานการยิง 24 ประตูจากการแข่งขันทั้งหมด 32 นัด แต่ในปีที่ 2 ของเขามีปัญหาที่ข้อเท้ารุมเร้าจึงทำให้ยิงได้เพียง 6 ประตูเรียกได้ว่าอยู่ในสภาพที่เครื่องยังไม่ร้อน

  ในฤดูกาลนี้เองโจก็ไม่ได้มาร่วมเก็บตัวในค่ายของทีม เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวแล้วก็ฝึกซ้อมปรับสภาพกับสโมสร Flamengo ที่โด่งดังในบ้านเกิดที่กรุงริโอเดอจาเนโร ล่าสุดศูนย์หน้าวัย 32 ปีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิด O Dia
  
  โจผู้กำลังจะหมดสัญญากับนาโกย่าในเดือนธันวาคมปีนี้ เขาได้เปิดเผยในช่วงฤดหนาวถึงการเจรจาต่อสัญญาว่า "ท้ายที่สุดแล้วก็หาจุดลงตัวไม่ได้" นั่นเลยทำให้เจ้าตัวก็ระบุถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะคว้าแชมป์มาครองที่ญี่ปุ่นให้ได้ในปีสุดท้ายนี้

  "เนื่องจากการเจรจาต่อสัญญาไปได้ไม่ดีนัก เลยตัดสินใจที่จะอยู่จนหมดสัญญาครับ เป้าหมายสูงสุดของผมคือการคว้าแชมป์ ตลอด 2 ปีที่อยู่กับนาโกย่านั้นยังไม่เข้าใกล้กับการลุ้นคว้าแชมป์เลย เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะคว้าแชมป์แล้วร่ำลา ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของผมในปี 2020 ครับ"

  โจเคยอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั้งในและนอกประเทศมากมาย ตั้งแต่ CSKA Moscow, Manchester City, Atletico Mineiro และอื่น ๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาสัมผัสถึงสิ่งที่ยังขาดไปในเจลีกได้ เลยทำให้เจ้าตัวพูดถึงปัญหาในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นดังนี้
  
  "องค์ประกอบของสโมสรที่ผมอยู่นั้นวิเศษมากครับ เพียงแต่สิ่งที่ญี่ปุ่นยังขาดไปคือสตาฟที่รู้ Know-How แบบมืออาชีพครับ คือมันก็ไม่ได้แย่อะไรครับ เพียงแต่มันยังห่างไกลจากบราซิลมากเลย สภาพแวดล้อมและองค์ประกอบของสถานที่นี่ดีมากจริง ๆ ดีในระดับที่บราซิลไม่พ่ายแพ้เลย เพียงแต่ยังไม่มีสตาฟที่เข้าถึงในจุดนั้นครับ"

  ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากองหน้าตัวเป้าร่างยักษ์แห่งนาโกย่าอย่างโจที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่ Flamengo และกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองนั้นจะสามารถคว้าแชมป์ที่ทีมปรารถนามาครอบครองได้หรือไม่ เขาจะอำลาทีมอย่างเรืองรองได้หรือไม่

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest