กุนซือนิชิโนะ "ว่ากันตามตรงแล้วค่อนข้างตกใจ" เขาคิดอย่างไรกับลูกทีมชุด U-23 ที่ถึงแม้จะร่ำไห้เพราะ VAR แต่ก็มีพัฒนาก้าวกระโดด

2020年01月22日 佐々木裕介

ไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าไม่บอกบุญต่อการตัดสินที่น่ากังขา...

กุนซือนิชิโนะผู้ควบตำแหน่งทีมชาติไทยชุดใหญ่และ U-23 เขาสัมผัสถึงความเป็นไปได้อย่างมหาศาลกับผลงานการสู้ของเหล่าลูกทีม

(C) Getty Images

  4 ทีมสุดท้ายของศึกทัวร์นาเมนต์ AFC U-23 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศไทยออกมาแล้ว เริ่มต้นจากแชมป์หนก่อนอย่างอุซเบกิสถาน ซาอุดิอาราเบีย เกาหลีใต้และออสเตรเลีย โดยจะมีเพียง 3 ทีมอันดับแรกที่จะคว้าโควต้าไปยังการแข่งขันศึกโตเกียวโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในปีนี้ เพราะฉะนั้นหากเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ก็จะเป็นการการันตีการคว้าตั๋วไปโตเกียวโดยปริยาย ทว่าทีมชาติไทยประเทศเจ้าภาพในหนนี้ก็หมดโอกาสลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

  กุนซือนิชิโนะผู้คุมทีมชาติชุดใหญ่และรุ่น U-23 ถูกจับตามองจากสื่อญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เขาสามารถทำให้ทีมชาติไทยผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างงดงาม จนกระทั่งมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ต้องมาเผชิญหน้ากับซาอุดิอาราเบียที่ได้ที่ 1 กลุ่ม B กลุ่มเดียวกันกับที่ญี่ปุ่นเจอ

  2 ชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขันเหล่านักเตะทีมชาติไทยเดินทางมาถึงสนาม ใบหน้าของพวกเขาที่ฉายออกมาผ่านทางจอมอนิเตอร์ในโซนมีเดียเซนเตอร์นั้นต่างก็ล้วนแข็งทื่อ ทำให้สัมผัสได้ถึงความกังวลในทิศทางของการแข่งขันอย่างที่ไม่สมเท่าไรนัก

  ผลการแข่งขันจบลงที่ 0-1 ทีมชาติไทยพ่ายต่อ "เหยี่ยวเขียวแห่งอาหรับ" ความพ่ายแพ้เกิดจากผลการตัดสินทาง VAR โดยการแข่งขันนัดนี้เกมดำเนินไปโดยที่ทั้งสองฝั่งต่างก็ไม่สามารถจบสกอร์กันและกันได้ แต่แล้วนาที 78 โดยกองกลางทีมชาติไทยสรวิชญ์ได้ทำฟาวล์ศูนย์หน้าซาอุ Abdullah Al-Hamdan จนได้ลูกตั้งเตะ ทว่าเมื่อผู้ตัดสินตรวจสอบกับทาง VAR ก็ให้เป็นการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษแล้วทีมชาติไทยต้องเสียจุดโทษแทน แม้ทีมชาติไทยจะพยายามประท้วงกับผลการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมแต่มันก็ไม่เป็นผล ประตูดังกล่าวกลายเป็นผลการตัดสินในนัดนี้ ซึ่งนั่นคือทำให้การต่อสู้เพื่อคว้าตั๋วโอลิมปิกของทีมชาติไทยนั้นต้องยุติลงที่กลางทาง

  "วันนี้ทีมชาติไทยเองก็เล่นเพรสซิ่งได้ตามแผนในช่วง 20 นาทีแรกเหมือนเดิม(เหมือนกันกับนัดที่ 3 ในรอบแบ่งกลุ่ม) ทีมสามารถครองเกมเอาไว้ได้ อันที่จริงก็ไม่อยากตัดจังหวะตรงนั้นทิ้งไป แต่กุญแจสำคัญในเกมนี้ผมคิดว่ามันคือการตัดสินครับ"

  ในการสัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันนั้น แม้ถ้อยคำของนิชิโนะจะหวานอมขมกลืนก็ตาม ทว่าสีหน้าของเขานั้นกลับดูอิ่มเอมใจในระดับหนึ่ง

  "ในนัดแรกสุด(ที่เจอกับบาห์เรนแล้วชนะ 5-0)ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่คิดว่าพวกเราจะทำเกมได้อย่างดุดันถึงขั้นนั้นตั้งแต่แรกจนจบได้เลย มันทำให้พวกเราได้ความั่นใจว่า "พวกเราก็น่านจะสามารถสู้กับทีมยักษ์ใหญ่ในตะวันออกกลางได้นี่" ส่วนในนัดที่ 2(ที่เจอกับออสเตรเลีย) ครึ่งแรกเราสามารถต่อกรได้สูสี พวกเราไม่ได้รู้สึกด้อยกว่า เป็นการนำเอาของที่พวกเรามีแสดงออกไปอย่างกระฉับกระเฉงได้ตามที่ผมบอกเอาไว้ แต่ว่ากันตามตรงแล้วผมเองก็ค่อนข้างจะตกใจที่ทำได้ถึงขนาดนี้เหมือนกันครับ"

  สำหรับทีมชาติไทยแล้ว การตัดสิน VAR คงมอบมาให้ทั้งเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตากระมัง ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ทีมไทยได้ VAR จนได้จุดโทษอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเกมจนทำให้ทีมชิงความได้เปรียบมาก่อน ภายหลังแม้จะเสมอแต่ก็ยังเข้ารอบ แต่กระนั้นนิชิโนะก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องมาตรฐานในการตัดสินที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เท่าไรนัก เขารู้สึกภาคภูมิใจที่เหล่านักเตะของเขาได้เจริญเติบโตขึ้นมากยิ่งกว่า บางทีความรู้สึกของหัวใจที่ได้ลงมือทำอย่างเต็มที่และสุดความสามารถนั้นอาจจะเหนือกว่าก็ได้กระมัง
 

次ページอะไรคือปัญหาหนักอกของกุนซือนิชิโนะกับทีมชาติไทยที่ก้าวกระโดดจนสู้ได้อย่างองอาจ

แชร์กับเพื่อนๆ
Twitterで更新情報配信中

関連記事