แม้สมัยอินเตอร์มิลานจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสลาตัน อิบราฮิโมวิชและมาร์โก้ มาเตรัซซี่นั้นเหมือนจะไปได้ไม่สวยเท่าไรนัก

  นอกจากเรื่องการย้ายทีมที่น่าจับตามองของเขาแล้ว ล่าสุด สลาตัน อิบราฮิโมวิชที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิตาลี GQ ได้เริ่มสงครามน้ำลายกับมาเตรัซซี่อีกครั้ง โดยจากการรายงานของทาง Gazzetta dello Sport ได้ระบุว่า "สมัยที่อยู่ยูเว่นั้นผมเคยโดนหมอนั่นพุ่งเสียบแบบหวังฆาตกรรมทำให้ผมได้รับบาดเจ็บ"

  "เขาเป็นนักเตะที่ "เลวร้าย" แต่คำว่าเลวร้ายนั้นก็มีสองความหมาย อย่างเช่นเปาโล มัลดินี่นั้นเขาเป็นนักเตะที่ฝีมือเหลือร้ายและร้ายกาจ แน่นอนว่ามันก็เป็นคนละเรื่อง เพียงแต่ว่าสำหรับมาเตรัสซี่นั้นเขาเป็นนักเตะประเภทที่ตั้งใจจะให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ"

  หลังจากนั้นอิบราฮิโมวิชก็ย้ายจากอินเตอร์ไปอยู่บาร์ซ่า เสร็จแล้วก็ไปมิลาน จนกระทั่งในศึกดาร์บี้เมืองมิลานก็ทำให้เขาต้องได้ลงสนามเจอกับมาเตรัสซี่อีกครั้ง การแข่งขันในวันนั้นอิบราฮิโมวิชได้ทำการ "โดดถีบเทควันโด" ใส่มาเตรัซซี่ไป

  "ลูกถีบของผมส่งให้เขาไปโรงพยาบาล ในตอนนั้น Dejan Stanković ถามผมว่า "ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย" ผมเลยตอบไปว่า "ฉันเฝ้ารอเวลานี้มาตั้ง 4 ปีแล้ว" กลับไป"

  ทางด้านมาเตรัซซี่ได้อัพอินสตาแกรมถึงเรื่องนี้ " "มาแล้ว เห็นแล้ว ชนะแล้ว" เอาเป็นว่าต้องขอบคุณเสมอ ถ้าไม่มีนายล่ะก็พวกเราคงไม่ชนะแน่" เป็นการแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น

  หากมองเพียงเปลือกนอกแล้วก็คงคิดว่ามาเตรัซซี่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมดี ทว่าในภาพที่แนบมานั้นเป็นการแท็กไอดีของซามูเอล เอโต้รวมไปถึงเลือกภาพของ Javier Zanetti ที่ชูถ้วยรางวัลกับการคว้าแชมป์ UEFA Champions League กับอินเตอร์มิลานออกมา

  ในฤดูร้อนปี 2009 ที่อิบราฮิโมวิชย้ายไปบาร์ซ่านั้น อินเตอร์มิลานก็ได้เอโต้มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งในฤดูกาลนั้นก็ทำให้อินเตอร์มิลานคว้า 3 แชมป์รวมแชมป์จ้าวยุโรปได้อย่างสำเร็จเป็นครั้งแรกจนกลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของสโมสร อิบราฮิโมวิชไม่สามารถคว้าบิ๊กเยียร์ของเขามาครอบครองได้

  ในการให้สัมภาษณ์กับทาง GQ ได้ระบุว่า "ผมจะไปสโมสรที่อยากจะกลับมาชนะให้ได้อีกครั้ง" เป็นการแสดงเจตนารมณ์การกลับไปรังเก่าที่เอซีมิลานที่กำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ

  ในกรณีที่อิบราฮิโมวิชย้ายเข้าไปเล่นที่เอซีมิลานล่ะก็ การปะทะกันกับอินเตอร์มิลานที่มีมาเตรัสซี่เป็นเด็กเก่านั้นคงดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอนเลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest