แม้ผลงานในรอบ 13 ปีอาจจะไม่ได้เรียกว่าอยู่ในจุดไร้ที่ติก็ตาม แต่กระนั้นเสาหลักแห่งลิเวอร์พูลนั้นก็ยังมองไปข้างหน้าด้วยทิศทางในแง่บวกเสมอ

  วันที่ 2 ธันวาคมตามเวลาท้องถิ่น ทางนิตยสารฟุตบอลเฉพาะทางของฝรั่งเศส France Football จะจัดงานและประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ออกมา

  หนึ่งในผู้ที่ถูกจับตามองที่สุดในงานนี้นั้นก็มีกัปตันแห่งลิเวอร์พูลที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ UEFA Champions League ได้ในฤดูกาลที่ผ่านมาและทำให้ลิเวอร์พูลนำจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่าง Virgil van Dijk เขาถูกมองเป็นตัวเก็งที่จะคว้ารางวัลอันทรงคุณค่านี้

  ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อเดือนสิงหาคม ฟานไดค์ก็ถูกเลือกเป็นนักเตะ MVP ของทาง UEFA อีกด้วย หากเขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ด้วยล่ะก็จะเท่ากับเป็นกองหลังที่คว้ารางวัลคนถัดมานับตั้งแต่ฟาบิโอ คันนาวาโร่ในปี 2006

  ทว่าก็มีสื่อบางส่วนรายงานว่า เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้น่าจะเป็นลิโอเนล เมสซี่ที่จะคว้ารางวัลสมัยที่ 6 ของเขาเองเสียมากกว่า ส่วนในรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทาง FIFA นั้นก็มีข่าวว่าเมสซี่ทิ้งห่างฟานไดค์เป็นฝุ่นเลยเสียด้วย

  แต่ล่าสุดจากการรายงานของ Sky Sports ได้ถ่ายทอดคำพูดของฟานไดค์ว่า "สุดท้ายแล้วอะไรจะเกิดมันก็เกิดขึ้น ในค่ำคืนงานพิธีนั้นไม่มีผู้แพ้หรอก" เขาเปรยเช่นนั้น

  "การที่ถูกเลือกจากผลงานของสโมสรกับทีมชาตินั้นนับเป็นเกียรติสูงส่งที่ควรภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้มีนักเตะหลายคนเลยที่ได้รับการเสนอชื่อ เพราะฉะนั้นผมจึงภูมิใจมากเลย ถึงแม้จะมีผู้ชนะขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครแพ้หรอกนะ อะไรจะเกิดขึ้นเดี๋ยวก็เห็นกันเอง"

  มีข่าวลือออกมาว่าคู่ปรับตลอดกาลของเมสซี่อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้นั้นจะไม่เข้าร่วมงานในค่ำคืนนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ฟานไดค์ถูกเสนอชื่อให้กลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีนี้ด้วย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest