วันที่ 19 พฤศจิกายนมีการแข่งขันนัดสุดท้ายสำหรับรอบคัดเลือกของศึก EURO2020 จัดขึ้นในหลายประเทศ ในส่วนเนเธอร์แลนด์แห่งกลุ่ม C ที่การันตีการเข้ารอบสุดท้ายอย่างแน่นอนแล้วนั้นได้เปิดบ้านรับการมาเยือนของเอสโตเนีย นัดนี้เจ้าบ้านคว้าชัยชนะ 5-0 ซึ่งหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญนั้นคือมิดฟิลด์ของทีม Georginio Wijnaldum แห่งสโมสรลิเวอร์พูลที่กดแฮตทริกในนัดนี้ ทางจ่าฝูงของกลุ่มอย่างเยอรมันก็เอาชนะไอร์แลนด์เหนือได้ด้วยจึงทำให้เนเธอร์แลนด์คว้าอันดับ 2 ไปอย่างเป็นทางการ
การแสดงผลงานของไวนัลดุมหลังทำประตูได้นั้นกลายเป็นประเด็นหนักในนัดนี้ โดยสื่อยุโรปหลาย ๆ เจ้าตั้งแต่สื่ออังกฤษอย่าง BBC DailyMail และสื่ออเมริกาอย่าง Business Insider ต่างก็ลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 6
หลังจากที่ไวนัลดัมทำประตูอย่างสุดสวยลูกแรกได้นั้นเขาก็กระซิบกระซาบกับเฟรงกี้ดียองที่เข้ามาร่วมดีใจแล้วก็ชวนกันไปยืนใกล้ ๆ กล้อง และแล้วพวกเขาก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วก็เอาแขนของทั้งสองคนมาแนบกัน โดยผู้ทำประตูได้ก็ใช้นิ้วชี้แขนของดียอง ส่วนดียองก็ชี้แขนของไวนัลดุมกลับเช่น เป็นการแสดงออกถึง "การต่อต้านการเหยียดสีผิว" ทางด้านเพื่อนร่วมทีมอาทิ แมทธิส ดีลิกต์ที่เห็นท่าทีที่ทั้งสองคนแสดงออกมานั้นต่างก็วิ่งกรูเข้ามาร่วมแสดงออกด้วย
การส่งข้อความแสดงออกดังกล่าวนั้นเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเหยียดเชื้อชาติของลีกประเทศบ้านเกิดโดยตรง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การแข่งขันของดัทช์ลีก 2 ระหว่าง Den Bosch กับ Excelsior นั้นมีการตะโกนเหยียดสีผิวใส่นักเตะอย่าง Ahmad Mendes Moreira จนทำให้การแข่งขันต้องหยุดชะงักลง โดยทางสมาพันธ์ฟุตบอลเนเธอร์แลนด์อย่าง KNVB ได้ประกาศหลังการแข่งขันจบว่า "พวกเราจะไม่ยินยอมใด ๆ ต่อการเหยียดเชื้อชาติทั้งสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามสิ่งที่พวกเราปรารถนา พวกเราจะเอาเรื่องถึงที่สุด" พร้อมกับดำเนินการสอบสวนโดยทันที
「ช็อคมากจริง ๆ」เสียงชื่นชมการแสดงการต่อต้านการเหยียดสีผิวของไวนัลดุมแห่งเนเธอร์แลนด์! เพื่อนร่วมทีมร่วมวงต่อต้านด้วย!
カテゴリ:ワールド
2019/11/21
"ไม่คิดว่าจะมีเกิดขึ้นที่เนเธอร์แลนด์"

ไวนัลดุมที่เป็นส่วนสำคัญให้ทีมคว้าชัย ทาง BBC ลงข่าวว่า มิดฟิลด์คนสุดท้ายที่ยิงแฮตทริกได้ก่อนหน้านี้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์นั้นคือ Johan Neeskens ในปี 1972 เลย
(C) Getty Images
หลังการแข่งขันจบลงไวนัลดุมได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า "ส่วนตัวผมช็อคมากจริง ๆ" เขาเปิดเผยว่ารู้สึกบาดเจ็บอย่างเสียดแทงหน้าอก
"ผมไม่คิดจริง ๆ ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่เนเธอร์แลนด์ด้วย มันช็อคมากเลย แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้ ทางผมเองที่เห็นก็ช็อคมากจริง ๆ ผมนึกไม่ออกจริง ๆ เลยว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นต้องรู้สึกเจ็บปวดมากถึงขนาดไหน
นี่เป็นปัญหาระดับสังคม มันไม่ใช่ปัญหาที่นักฟุตบอลเพียงลำพังแค่คนเดียวจะสามารถแก้ไขอะไรได้ เพียงแต่ว่าพวกเราก็มีความศรัทธาและพร้อมจะให้กำลังใจในการต่อสู้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง"
จากการรายงานของทาง BBC ได้ระบุว่า การแสดงออกดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่เตี๊ยมกันมาก่อนลงสนามแล้ว ซึ่งทางกุนซือของดัทช์อย่าง Ronal Koeman ก็ระบุว่า "เอาให้มันเข้าใจง่าย ๆ" เป็นการแสดงความเห็นพ้อง
หลังการแข่งขันจบลงทางดียองรวมไปถึงเหล่านักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ก็ร่วมกันอัพข้อความ "Enough is Enough! #StopRacism" ขึ้นกับผ่านทางโลกออนไลน์ร่วมกัน พร้อมกับแนบภาพเหล่านักเตะแต่ละคนที่มีสีของผิวพรรณแตกต่างกันแต่ก็ร่วมจูงมือกันเป็นวงกลม โดยตั้งใจจะแสดงออกถึงการร่วมต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติโดยเริ่มต้นจากประเทศบ้านเกิดของพวกเขาเอง
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest