รอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกที่อเมริกาในปี 1994 ที่อิตาลีต้องต่อเวลาจนดวลจุดโทษกับบราซิลนั้น ฉากของ Roberto Baggio มือสังหารคนสุดท้ายที่ยิงลูกออกไปข้ามคานนั้นจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงกลายเป็นที่จดจำอยู่สำหรับแฟนบอลจำนวนไม่น้อย
การแข่งขันผ่านไป 120 นาทีโดยไม่มีประตูเกิดขึ้น มือเตะคนสุดท้ายของทีมชาติอิตาลีอย่างบาจโจ้ที่สังหารพลาดแล้วเอามือเท้าใส่เอวอย่างปลงตกนั้นกลายเป็นหนึ่งในฉากที่ยังคงจดจำอยู่ตลอดกาลในแวดวงฟุตบอล
ความชอกช้ำเจ็บใจในวันนั้นยังคงตามหลอกหลอนเจ้าตัวอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากการรายงานของหนังสือพิมพ์อิตาลี Gazzetta dello Sport ระบุว่า บาจโจ้ที่แขวนสตั๊ดไปในปี 2004 ที่ในตอนนั้นอายุ 35 ปีได้พูดถึงการที่กุนซือ Giovanni Trapattoni ไม่เรียกเขาให้เข้าไปติดทีมชาติในศึกฟุตบอลโลกญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ในปี 2002 นั้นว่า "ผมรู้ว่าตัวเองรั้นมาก แต่ผมก็คู่ควรกับการถูกเรียกให้ติดทีมชาติจริง ๆ นะ" เป็นการเกริ่นนำเช่นนั้นพร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
"ความผิดหวังในตอนนั้นมันมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงมาก มันก็เหมือนกับที่ Pasadena นั่นแหละ เพราะฉะนั้นผมจึงได้ออกห่างจากแวดวงฟุตบอลแล้วก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แต่สำหรับตัวของผมในตอนนั้น ผมอยากจะเอาคืนการยิงจุดโทษในคราวนั้นให้ได้มากจริง ๆ"
จากนั้นบาจโจ้ก็กล่าวเพิ่มเติมว่า "ไม่มีครั้งไหนในชีวิตของผมเลยที่ได้เตะแบบนั้น"
"ผมอาจจะเตะบอลสูงบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เตะข้ามคานไปแบบนั้นเลย นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้บางทีก่อนนอนผมก็เคยคิดถึงเลยด้วย"
「ก่อนนอนยังคิดอยู่เลย」「อยากเอาคืนในฟุตบอลโลกญี่ปุ่น-เกาหลีใต้」บาจโจ้พูดถึงการสังหารจุดโทษพลาดในตำนาน
カテゴリ:ワールド
2019/10/13
พูดถึงเหล่าอสูรกายในวงการลูกหนังปัจจุบันว่ายังไงบ้าง?

การสังหารจุดโทษพลาดของบาจโจ้ที่ยังคงหลอกหลอนแฟน ๆ จนถึงทุกวันนี้ เจ้าตัวหวนรำลึกถึงฉากที่กลายเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล
(C) Getty Images
ว่าแต่ว่าบาจโจ้เขาคิดอย่างไรกับวงการฟุตบอลในปัจจุบันนี้บ้าง เจ้าตัวเริ่มต้นจากการพูดถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้และลิโอเนล เมสซี่ว่า "พวกเขาเป็นอสูรกาย" พร้อมกับกล่าวดังนี้
"เปาโล ดีบาล่าเองก็เป็นนักเตะที่มีคุณภาพสูงมาก เนย์มาร์ก็น่าสนใจ นักเตะที่ทำได้ถึงขนาดนั้นถ้าไม่เรียกเขาเป็นอสูรกายก็ไม่รู้จะเรียกยังไงแล้ว"
หนึ่งในคำสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของบาจโจ้นั้นคือเรื่องของ Vanishing spray(สเปรย์ฉีดพื้นสนาม) สำหรับตัวของบาจโจ้ที่เป็นหนึ่งในยอดนักเตะฟรีคิกในสมัยนั้น เจ้าตัวมั่นใจมากเลยว่าหากสมัยก่อนมีอุปกรณ์นี้ล่ะก็เจ้าตัวคงทำรปะตูเพิ่มได้อย่างแน่นอน
"ผมอยากจะลองฟุตบอลในสมัยนี้เหมือนกันนะ ผมชอบที่ผู้ตัดสินใช้สเปรย์ฉีดลงพื้นเพื่อเว้นระยะห่างมาก ถ้าเป็นผมล่ะก็ผมคงทำประตูได้เยอะขึ้นแน่ ๆ มันคงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกมั้ง ทั้ง Zico และ Siniša Mihajlović พวกนักเตะระดับนั้นต้องทำประตูเพิ่มขึ้นได้แน่นอน"
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดก็เป็นแค่เรื่องสมมติเพียงเท่านั้น แต่ก็มีแฟนจำนวนไม่น้อยที่อยากเทพบุตรแสดงท่วงท่าอันองอาจภายในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบันที่มีกฎเกณฑ์ยิบย่อยอย่างมากมาย
ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest