แม้จะไม่สามารถคว้าชัยต่อแชมป์เก่าได้อย่างน่าเสียดายก็ตาม แต่ผลงานของทาคุมิ มินามิโนะในวันนี้ก็เจิดจรัสเหลือเกิน

  วันที่ 2 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น การแข่งขันศึก UEFA Champions League รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 โดยในกลุ่ม E ทาง Liverpool เปิดบ้านรับการมาเยือน Red Bull Salzburg ท่ามกลางการแข่งขันที่แลกกันยิงอุดตลุดก็เป็นทางฝั่งของเจ้าบ้านที่เอาชนะได้ 4-3

  ในครึ่งแรกทีมซัลซ์บวร์กที่สามารถตีไข่แตกได้หลังจากลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 3 ลูกด้วยผลงานของ Hwang Hee-chan จนทำให้กระแสในครึ่งหลังเปลี่ยน ซึ่งผู้ที่ช่วยพลิกสถานการณ์ของทีมนั้นก็คือมินามิโนะ

  มินามิโนะที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงนั้น เจ้าตัวเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรก โดยเจ้าตัวยิงประตูได้ในนาที 56 ของนัดนี้จากการวอลเลย์สุดสวยงามจากลูกเปิดของฮวางฮีจางที่โยนมาจากฝั่งซ้าย มินามิโนะซัดลูกกระแทกลงพื้นแล้วก็ลอยพุ่งเข้ามุมซ้ายของประตูได้อย่างงดงาม

  การทำประตูแรกได้ในเวทีแชมป์เปี้ยนส์ลีกของเขานั้นยังทำให้เจ้าตัวกลายเป็นสป็อทไลท์ในนาที 60 อีกครั้ง เขาทำเกมขึ้นไปยังฝั่งขวาแล้วก็จ่ายบอลอย่างเฉียบคมมาตรงกลางแถวหน้าประตูแล้วก็ได้ Erling Braut Håland สังหารให้ทีมตีเสมอ 3-3 ได้

  แม้ท้ายที่สุดทีมซัลซ์บวร์กจะพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายก็ตาม แต่ผลงานของทีมที่สามารถทำให้แชมป์เก่าที่หวังจะรักษาแชมป์สมัยที่ 2 ให้ได้ต้องพบกับความอิดโรยนั้นจึงทำให้ตัวตนของมินามิโนะมีความโดดเด่นมากในนัดนี้ สื่อท้องถิ่นของออสเตรเลียแสดงความชื่นชมยกใหญ่

  โดย Sky Sports Austria ได้พูดในช่วงสรุปการแข่งขันว่า "ตัวตนของมินามิโนะนั้นมีความโดดเด่นมากในนัดนี้" เป็นการกล่าวชมเช่นนั้น

  "นักเตะญี่ปุ่นคนนี้สร้างโอกาสให้กับทีมอย่างต่อเนื่องทั้งยังมีส่วนร่วมทำประตูเองอีกด้วย ลูกวอลเลย์คู่ควรแก่การเชยชม นอกจากนั้นการประสานงานกับ Mwepu นั้นก็สามารถฉีกขยี้แนวรับของลิเวอร์พูลจนส่งบอลนิ่ม ๆ ให้กับฮาแลนด์ในการสังหารประตูได้"

  หลังการแข่งขันจบลงแม้กระทั่งกุนซือลิเวอร์พูลอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นก็ยังกล่าวชื่นชม ถึงความแข็งแกร่งในเกมรุกของซัลซ์บวร์กที่นำโดยมินามิโนะดังนี้

  "พอซัลซ์บวร์กเปลี่ยนแผนการเล่นเลยทำให้พวกเรายุ่งเลย การโต้คืนในช่วงครึ่งหลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก นอกจากนั้นก็ยังทำ 2 ประตูได้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ในเมื่อมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจึงทำให้มันกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ได้จากการแข่งขันในวันนี้ หลังจากนี้พวกเราต้องมาตบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่นขึ้นแล้วก็ปรับแก้กันใหม่ เพราะฉะนั้นผมจึงแฮปปี้มาก"

  ซัลซ์บวร์กแสดงฟอร์มการรุกไล่อย่างสุดดุเดือดจนทำให้แม้กระทั่งยอดกุนซืออย่างคล็อปป์ก็ยังต้องหัวเสีย แม้นัดนี้ผลการแข่งขันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ก็ตามแต่การสู้สุดใจจนทำให้แชมป์เก่าต้องบอบช้ำที่สนามแอนฟิลด์นั้นคงสร้างอิมแพ็คให้เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อยแน่ ซึ่งผู้นำเกมรุกของทีมแห่งออสเตรียนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นมินามิโนะ ทาคุมิผู้นี้นั่นเอง

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest