ฮอนดะ เคย์สุเกะผู้ออกสัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์เมื่อไม่กี่วันก่อนพร้อมแสดงความคิดเห็นว่า "ชีวิตคือความเป็นมืออาชีพ" "ผมจะรีไทร์ก็ต่อเมื่อตัวเองหมดลมหายใจ" ทว่าล่าสุดการอัพทวิตเตอร์ของเขาในวันที่ 19 กันยายนนั้นก็ทำให้เกิดประเด็นลือเลื่อง

  ฮอนดะอัพข้อความสั้น ๆ ว่า "การออมเงินคือความชั่วร้าย"

  เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก "กล่องตอบคำถามโดยทีมชาติ" ในโครงการที่จัดขึ้นช่วงแชมป์เก็บตัวทีมชาติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีแฟน ๆ ถามฮอนดะว่า "ช่วงหลังมานี้มีของอะไรที่ซื้อโดยไม่คิดหรือเปล่า?" ซึ่งฮอนดะก็ตอบว่า "คนไม่ค่อยทราบกันเท่าไรครับ แต่ที่จริงแล้วผมเป็นคนที่ไม่มีความโลภเลย นับตั้งแต่ที่ผมมาอยู่ Pachuca ผมซื้อแค่รถยนต์เท่านั้น" เจ้าตัวตอบดังกล่าว

  แล้วควรใช้เงินทำอะไรดีล่ะ? เมื่อลองย้อนไปก็จะพบกับข้อความทวิตเตอร์ของฮอนดะในเดือนธันวาคม 2017 ที่ระบุว่า "ผมทราบดีว่าสิ่งสำคัญคือการออมเงิน แต่ผมคัดค้านกับการที่จะอดออม เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนั้นควรนำไปใช้กับการลงทุนดีกว่า" ฮอนดะแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นนั้น

  ในช่วงหลายปีมานี้ฮอนดะใช้เงินลงทุนกับการทำธุรกิจและการศึกษา ทั้งยังบริหารสถาบันฝึกสอนฟุตบอลทั้งในและนอกประเทศ นอกจากนั้นยังมีส่วนร่วมในการบริการทีมฟุตบอลกับทั้งออสเตรเลีย กัมพูชาและอีกหลาย ๆ แห่ง อีกทั้งในช่วงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางทิศตะวันออกของญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมปี 2011 ฮอนดะก็ได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่า 50 ล้านเยนและแจกลูกฟุตบอลทั้งหมด 200 ลูกให้กับเหล่าเด็ก ๆ ที่ประสบภัยอีกด้วย เขาใช้เงินกับการกุศล

  เพราะฉะนั้นเมื่อฮอนดะอัพทวิตเตอร์ว่าการออมเงินคือ "ความชั่วร้าย" นั้นจึงทำให้มีคอมเมนต์ติเตียนอาทิ "ก็นายมีเงินนี่หว่า!" "ถ้าไม่ออมเงินจะลำบากในอนาคตเอานะ" "พูดน้อยไปนะ" เป็นต้น
 
  จากนั้นฮอนดะก็โพสต์ทวีตใหม่อีกครั้ง "ที่ผมบอกว่าการออมเงินคือความชั่วร้ายนี่ ไม่ได้หมายถึงว่าให้ละทิ้งทรัพย์สมบัติที่ใช้กับการอุปโภคบริโภคหรอกนะ ดูเหมือนจะมีคนเข้าใจผิดไปเยอะเลย คงต้องพูดเตือนอีกครั้ง!" เจ้าตัวรีบอัพข้อความแก้ตัวหลังมีคนแสดงความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อ

  ฮอนดะที่เป็นทั้งเจ้าของกิจการและเป็นผู้ฝึกสอน จากนี้ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าเขาจะนำเม็ดเงินไปลงทุนเพิ่มกับอะไร แม้จนถึงตอนนี้เขายังไม่มีทีมใหม่ก็ตาม แต่ก็ห้ามละสายตาจากฮอนดะผู้เฟ้นหาสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิตของเขาอยู่ในทุก ๆ วันเป็นอันขาดเลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest