[J1 นัดที่ 26]โกเบ 2-1 มัตสึโมโต้/14 กันยายน/Noevir Stadium Kobe
วันที่ 14 กันยายน สโมสร Vissel Kobe เปิดบ้านเอาชนะ Matsumoto Yamaga FC ได้ที่ผลการแข่งขัน 2-1 ทีมเลื่อนขึ้นมาที่อันดับ 9(ขณะนี้การแข่งขันผ่านไป 26 นัด) เว้นระยะห่างจากสโมสรซากันโทสุอันดับ 16 ในโซนตกชั้นที่ต้องลุ้นเพลย์อ๊อฟอยู่ 5 คะแนน แม้อนาคตข้างหน้ายังไม่ทราบแน่นอนก็ตามแต่หากเทียบกับเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ทีมตกไปอยู่อันดับ 15 ล่ะก็สภาพของทีมก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าดาวิด บีย่าที่คุมทิศทางในการสังหารประตูขึ้นนำของเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นฝีมือคับแก้วอย่างไม่มีข้อติติงอยู่แล้ว ทว่าสองขุมกำลังใหม่ของทีมที่ย้ายเข้ามาเล่นในช่วงฤดูร้อนนี้นั้นมีความโดดเด่นมากยิ่งกว่า พวกเขาก็คือโตมัส เฟอร์มาเลินกองหลังทีมชาติเบลเยียมและซาไก โกโตคุ อดีตกองหลังทีมชาติญี่ปุ่นผู้ค้าแข้งอยู่เยอรมันมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี
จุดเปลี่ยนสำคัญคือนัดที่ 22 ที่เจอกับ Oita Trinita สภาพของทีมในตอนนั้นที่ไม่ชนะใครมา 4 นัดติด กุนซือธอร์สเตน ฟิงค์ตัดสินใจเปลี่ยนแผนจาก 4 หลังมาเป็น 3 หลัง โดยเลือกใช้เป็นเฟอร์มาเลิน โอซากิ ลีโอและแดงค์เลอร์
แม้ผลลัพธ์ในเกมจะเสมอ 1-1 แต่ภาพรวมของทีมก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทีมสามารถแย่งบอลได้ยิ่งกว่าตอนเล่น 4 กองหลัง ทั้งยังคงสภาพเกมรับเอาไว้ได้ นอกจากนั้นทักษะการใช้เท้าของเฟอร์มาเลินนั้นก็ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาปรับตัวกับทีมได้อย่างรวดเร็วจนทำให้คุณภาพในการปั้นเกมจากเส้นสุดท้ายเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ในนัดต่อมาที่เจอกับ Urawa Reds นั้นก็ได้ซาไกมาร่วมทีม ฝั่งซ้ายที่เป็นจุดอ่อนนั้นก็มีเสถียรภาพสูงขึ้น ทีมคว้าชัยชนะ 3-0 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ถึงคราวที่วิสเซลโกเบจะคืนชีพแล้วหรือ? ระเบียบทีมที่ถือกำเนิดจากสองขุมพลังใหม่
カテゴリ:Jリーグ
2019/09/15
การมาของเฟอร์มาเลินทำใก้เกมรับและการปั้นเกมมีเสถียรภาพมาก

เฟอร์มาเลิน(ซ้าย)และซาไก(ขวา)ผู้มาใหม่ในฤดูร้อนนี้ ขุมกำลังใหม่ทั้งสองคนสร้างผลลัพธ์มหาศาลให้กับกลยุทธ์ของทีม
ภาพโดย: คาเนโกะ ทาคุยะ(Soccer Digest Photo Team)
นับตั้งแต่ที่ฟิงค์เข้ามากุมบังเหียนในวันที่ 8 มิถุนายน สไตล์ของเขาที่คอยสังเกตการณ์ทีมฝั่งตรงข้ามมาอย่างยาวนานนั้นก็มีการปรับแผนทีมใช้ 4-3-3 หรือ 4-4-2 เพื่อรับมือกับฝั่งตรงข้ามบ้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้นักเตะลูกทีมมีความสับสนไม่น้อยเลยด้วย ทว่าตอนนี้เล่นระบบ 3-5-2 ได้อย่างมีเสถียรภาพด้วยการมีมิดฟิลด์ตัวพักบอล ความโลเลล่าช้าที่มีมาก่อนนั้นพลันหายไปเลย
นับตั้งแต่เกมอุราวะเป็นต้นมาทีมก็ชนะ 3 แพ้ 1 ด้วยผลลัพธ์ดังกล่าวนั้นคงทำให้หายใจทั่วท้องขึ้นไม่มากก็น้อยแน่
สิ่งที่ทำให้ทีมมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีกนั้นคือการเล่นอย่างชาญฉลาดของซาไก เกมรุกที่ตลอดเวลาต้องคอยพึ่งพาอังเดรส อิเนียสต้าเพียงคนเดียวนั้น เมื่อได้นักเตะที่มีความเฉลียวฉลาดอย่างซาไกเข้ามาร่วมทีม เขาก็คอยปรับบุคลิกตัวเองเข้ากับสไตล์ของเพื่อนจนทำให้การทำเกมมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
อย่างในเกมกับมัตสึโมโต้ที่อิเนียสต้าผู้บาดเจ็บต้นขาข้างซ้ายต้องหยุดพักไปนั้น ฟุรุฮาชิ เคียวโกนักเตะเจ้าลมกรดก็เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย จึงทำให้ซาไกคอยเปิดพื้นที่ในแดนกลางให้กับฟุรุฮาชิลากเลื้อยมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีการจ่ายบอลเข้าไปในแดนลึกฝั่งซ้าย โดยผู้เล่นเกมรุกคนนี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างโอกาสให้กับทีมเท่านั้น ตัวเขาเองก็ยังมีการวิ่งอ้อมหลังเพื่อเล่นงานฝั่งตรงข้ามเองอีกด้วย