กลายเป็นส่วนหนึ่งในทีมอย่างเป็นธรรมชาติ
ทานากะ(ขวา)ผู้กล่าวถึงอิมแพ็คที่ได้รับจากโอโนะ(ซ้าย) ทีมริวกิวที่กำลังจะเปลี่ยนไปจากเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง
ภาพโดย: โทคุฮาระ ทาคาโมโตะ
มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากโอโนะ ชินจิ มาอยู่ด้วย
วันที่ 30 สิงหาคม โอโนะ ชินจิ ฝึกซ้อมการเคาะบอล จ่ายบอลแล้วก็ฝึกยิงจนเหงื่อเปียกโชก จากเทคนิคการสัมผัสบอลและการจ่ายลูกที่แพรวพราวนั้นทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ภายใน 2 อาทิตย์อย่างสุดเหลือเชื่อ โอโนะกลายเป็นคนที่เปล่งเสียงตะโกนมากยิ่งกว่าใคร ภาพลักษณ์ของเขาที่คอยสร้างบรรยากาศให้กับทีมนั้นทำให้สัมผัสได้ว่าโอโนะกลายเป็นศูนย์กลางของทีมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเข้าร่วมทีมของโอโนะนั้นก็ทำให้เพื่อนร่วมทีมต่างก็รู้สึกประหลาดใจและประทับใจเกี่ยวกับบุคลิกของโอโนะเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ที่ออกมาพูดถึงความสุดยอดของโอโนะ ชินจิ นั้นก็คือเพื่อนร่วมทีมอย่างทานากะ เคย์ตะ
"เทคนิคนั้นสุดยอดมาก นอกจากทัศนวิสัยจะกว้างไกลเป็นทุนเดิมแล้ว แต่การมาอยู่ของเขาผู้เป็น "ที่สุดของที่สุด" นั้น ทั้งในแง่นักฟุตบอลคนหนึ่งและในแง่มนุษย์คนหนึ่งเขาก็เป็นคนที่สุดยอดมากเลยครับ แต่แม้เขาที่สูงส่งเช่นนั้นก็พูดคุยกับพวกเราจากในระดับสายตาเดียวกัน เขาไม่มีอาการอวดเบ่งว่าตัวเองอยู่สูงกว่าเลย เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้ากับทีมง่ายมาก ถึงขั้นว่าเผลอคิดไปเลยว่าเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว การที่มีคนระดับนี้มาร่วมทีมนั้นตอนแรกก็คิดว่าคงสร้างบรรยากาศแปลก ๆ ให้เกิดขึ้นกับทีมบ้าง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเลย ผมสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ในความเป็นคนของเขาครับ"
วันที่ 30 สิงหาคม โอโนะ ชินจิ ฝึกซ้อมการเคาะบอล จ่ายบอลแล้วก็ฝึกยิงจนเหงื่อเปียกโชก จากเทคนิคการสัมผัสบอลและการจ่ายลูกที่แพรวพราวนั้นทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ภายใน 2 อาทิตย์อย่างสุดเหลือเชื่อ โอโนะกลายเป็นคนที่เปล่งเสียงตะโกนมากยิ่งกว่าใคร ภาพลักษณ์ของเขาที่คอยสร้างบรรยากาศให้กับทีมนั้นทำให้สัมผัสได้ว่าโอโนะกลายเป็นศูนย์กลางของทีมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเข้าร่วมทีมของโอโนะนั้นก็ทำให้เพื่อนร่วมทีมต่างก็รู้สึกประหลาดใจและประทับใจเกี่ยวกับบุคลิกของโอโนะเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ที่ออกมาพูดถึงความสุดยอดของโอโนะ ชินจิ นั้นก็คือเพื่อนร่วมทีมอย่างทานากะ เคย์ตะ
"เทคนิคนั้นสุดยอดมาก นอกจากทัศนวิสัยจะกว้างไกลเป็นทุนเดิมแล้ว แต่การมาอยู่ของเขาผู้เป็น "ที่สุดของที่สุด" นั้น ทั้งในแง่นักฟุตบอลคนหนึ่งและในแง่มนุษย์คนหนึ่งเขาก็เป็นคนที่สุดยอดมากเลยครับ แต่แม้เขาที่สูงส่งเช่นนั้นก็พูดคุยกับพวกเราจากในระดับสายตาเดียวกัน เขาไม่มีอาการอวดเบ่งว่าตัวเองอยู่สูงกว่าเลย เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้ากับทีมง่ายมาก ถึงขั้นว่าเผลอคิดไปเลยว่าเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว การที่มีคนระดับนี้มาร่วมทีมนั้นตอนแรกก็คิดว่าคงสร้างบรรยากาศแปลก ๆ ให้เกิดขึ้นกับทีมบ้าง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเลย ผมสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ในความเป็นคนของเขาครับ"
นอกจากนั้นทานากะยังพูดถึงบุคลิกของโอโนะที่ทำให้ประหลาดใจตั้งแต่การฝึกซ้อมครั้งแรก
"เขาเป็นคนที่เจ๋งมากเลย ตกใจมาก ๆ เลยล่ะครับ ตอนแรกทุกคนในทีมก็คิดแบบ "โหย โอโนะ ชินจินี่หว่า!" แต่พอวันแรกปุ๊บ "พวกเราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน" เขาทักทายเช่นนั้นแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างธรรมชาติมาก... เขาเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนเลย เอาเป็นว่าเขาเป็นคนเปิดเผยมากเลยล่ะครับ"
เมื่อเห็นบุคลิกทั้งในและนอกสนามของยอดนักเตะคนนี้จึงทำให้แม้กระทั่งตัวของทานากะเองก็ได้รับแรงกระตุ้นบางอย่าง ไม่เพียงแต่เรื่องทักษะเท่านั้นแต่ก็รวมไปถึงในด้านของแรงจูงใจด้วย
"เขาเป็นนักเตะที่ผมคอยติดตามมาตั้งแต่เด็กแล้ว การสัมผัสบอลของเขานั้นทำให้ศึกษาอะไรได้เยอะมากเลย เนื่องจากผมเป็นคนรับบอลครับก็อยากจะแอสซิสต์ให้ได้มาก ๆ"
"เขาเป็นคนที่เจ๋งมากเลย ตกใจมาก ๆ เลยล่ะครับ ตอนแรกทุกคนในทีมก็คิดแบบ "โหย โอโนะ ชินจินี่หว่า!" แต่พอวันแรกปุ๊บ "พวกเราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน" เขาทักทายเช่นนั้นแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างธรรมชาติมาก... เขาเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนเลย เอาเป็นว่าเขาเป็นคนเปิดเผยมากเลยล่ะครับ"
เมื่อเห็นบุคลิกทั้งในและนอกสนามของยอดนักเตะคนนี้จึงทำให้แม้กระทั่งตัวของทานากะเองก็ได้รับแรงกระตุ้นบางอย่าง ไม่เพียงแต่เรื่องทักษะเท่านั้นแต่ก็รวมไปถึงในด้านของแรงจูงใจด้วย
"เขาเป็นนักเตะที่ผมคอยติดตามมาตั้งแต่เด็กแล้ว การสัมผัสบอลของเขานั้นทำให้ศึกษาอะไรได้เยอะมากเลย เนื่องจากผมเป็นคนรับบอลครับก็อยากจะแอสซิสต์ให้ได้มาก ๆ"