คริสเตียโน่ โรนัลโด้ยอดนักเตะแห่งยูเวนตุสได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิดที่โปรตุเกสอย่าง TVI ทั้งยังเปิดเผยภาพบางส่วนในบ้านที่เมืองตูรินให้เห็นอีกด้วย

  คริสเตียโน่ระบุว่า "ในปี 2018 นั้นโดยส่วนตัวของผมแล้วนับว่าเป็นหนึ่งปีที่ยากที่สุดในชีวิตเลย" เจ้าตัวพูดถึงอดีตเช่นนั้น ไม่ว่าจะเรื่องคดีหนีภาษีที่สเปนรวมไปถึงคดีล่วงละเมิดทางเพศที่พัวพัน โดยทางสื่ออิตาลีอย่าง Gazzetta dello Sport ได้ลงข้อความให้สัมภาษณ์ดังนี้

  "พอโดนป้ายสีใส่เนี่ยมันเป็นอะไรที่หนักหน่วงมากเลยครับ แต่เป็นเพราะพระเจ้าที่ทำให้ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองสะอาดบริสุทธิ์ ครอบครัวหรือคนที่รักผมน่ะเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็หนักอยู่ดีล่ะครับ"

  ในฤดูร้อนปีก่อนการที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ย้ายไปเรอัลมาดริดจนสร้างความฮือฮาลือลั่นโลก น่าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดเขาจึงเดินทางออกจากกรุงมาดริดอันหวานชื่นที่อาศัยอยู่อย่างสุขสบายมาตลอด 9 ปีแล้วมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชันที่อิตาลี ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดเผยออกมาว่า

  "ไม่จำเป็นต้องเล่นฟุตบอลเพื่อให้ชีวิตมีความสุขสบาย เรื่องเงินทองนั้นผมไม่ขัดสนอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่จำเป็นนั้นคือโปรเจ็คที่น่าสนใจแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งโปรเจคของทางยูเว่นั้นน่าสนใจมาก ๆ ยูเวนตูสเป็นสโมสรที่ผมชื่นชอบมานานมาก เป็นทีมที่สุดยอดของอิตาลี เป็นหนึ่งในสโมสรเลื่องชื่อระดับโลก นอกจากนั้นผมยังสามารถคว้าชัยชนะที่อิตาลีได้ต่อจากที่อังกฤษและสเปนอีกด้วย"

  ทว่าสิ่งที่ยูเวนตูสต้องการจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่สุดนั้นคือเป้าหมายอันใหญ่หลวงอย่างการคว้าแชมป์ UEFA Champions League ให้ได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ปรารถนาเช่นนั้น เพียงแต่ซูเปอร์สตาร์ที่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์รายการนี้มา 4 สมัยกับมาดริดได้ระบุว่า

  "ไม่ว่าจะใครคนไหนแต่ก็อยากคว้าแชมป์ยูฟ่าให้ได้ทั้งนั้น พวกเราเองก็ใช่ด้วย เพียงแต่ห้ามรู้สึกเป็นทุกข์กับมันเป็นอันขาด พวกเราต้องไปข้างหน้าทีละก้าว ต่อให้เป็นทีมยิ่งใหญ่ที่มีเงินมหาศาลก็ใช่ว่าจะทำได้ ดูอย่างบาร์เซโลน่า บาเยิร์นและ PSG ที่พยายามแค่ไหนก็ยังคว้าแชมป์ไม่ได้ดูสิ"

  ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ปีหน้าโรนัลโด้จะอายุ 35 ปีแล้ว เจ้าตัวได้พูดถึงเรื่องของการแขวนสตั๊ดออกมาด้วย

  คริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่อยู่บน "ถนนทางด่วนซูเปอร์สตาร์" นับตั้งแต่ปี 2002 ที่เขาเทิร์นโปรนั้น "ผมอาจจะแขวนสตั๊ดในปีหน้า หรือไม่ก็อาจจะเล่นจนอายุ 40-41 ก็เป็นได้ ตอนนี้ผมยังสนุกสนานอยู่" แม้เจ้าตัวจะเปรยเช่นนั้น แต่สิ่งที่แน่นอนเหนือสิ่งอื่นใดคือแพชชั่นที่เขามีต่อฟุตบอลนั้นยังคงไม่จางหายไปไหน

  "สาเหตุที่ผมและลิโอเนล เมสซี่ได้รางวัลบัลลงดอร์คนละ 5 ครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ส่วนตัวผมก็อยากจะคว้ารางวัลให้ได้อีกครั้งด้วย ทั้งในแง่ของทีมและในแง่ส่วนตัวล่ะนะครับ ไม่อย่างนั้นผมก็คงแขวนสตั๊ดไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้ขาดเหลืออะไรอีกเลย ถ้าจะเลิกก็เลิกได้ง่าย ๆ เพียงแต่สิ่งที่ยังขับเคลื่อนตัวของผมนั้นคือแพชชั่นและความกระหายชัยชนะที่มีต่อฟุตบอล"

  โรนัลโด้และเมสซี่ที่เป็นสองผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยชักจูงวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนาน เมื่อฟังคำพูดของเขาแล้วก็ยังมั่นใจได้เลยว่าโรนัลโด้ยังคงสร้างความบันเทิงให้กับแฟน ๆ ต่อเนื่องอย่างแน่นอน

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest