ดาวยิงชาวอียิปต์ผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลในหน้าร้อน 2 ฤดูกาลก่อนมาอยู่ยังดินแดน Merseyside นั้น มีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับตัวของเขาออกมาอย่างมากมาย

  ซาลาห์ที่ย้ายจากโรม่ามาอยู่กับลิเวอร์พูลในฤดูร้อนปี 2017 นั้น นับตั้งแต่ปีแรกที่เขาลงเล่นเขาก็บันทึกสถิติยิง 32 ลูกในพรีเมียร์ลีกจนกลายเป็นเสาหลักคนสำคัญของทีม ฤดูกาลถัดมายิง 27 ลูกจากการลงแข่ง 52 เกมอย่างเป็นทางการ ล่าสุดวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาในนัดชิงชนะเลิศ UEFA Champions League เขาก็เป็นคนสังหารจุดโทษตั้งแต่นาทีที่ 2 ด้วยเท้าชั่งทองจนช่วยให้สโมสรหงส์แดงลิเวอร์พูลคว้าบิ๊กเยียร์มาครองได้ในรอบ 14 ปี

  หากจะบอกว่าซาลาห์กลายเป็นหน้าเป็นตาของสโมสรลิเวอร์พูลไปแล้วทั้งที่เพิ่งค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ได้เพียง 2 ปีเท่านั้นก็คงไม่เกินเลยแต่อย่างไร ตัวตนของเขามีอิทธิพลเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นด้วย ซึ่งทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ลงข้อมูลทางสถิติที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งออกมา

  ทาง EPSN ในวันที่ 3 มิถุนายนลงข่าวว่า ผลลัพธ์จากการสำรวจของทางมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่ที่ซาลาห์ย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลนั้น คดีความเกี่ยวกับ Hate Crime(อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับความเกลียดชัง) ณ บริเวณเมอร์ซี่ไซด์นั้นลดลงถึง 19% 

  คดีความเรื่องเชื้อชาติ ศาสนาและเรื่องเพศนั้นเกิดขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับเป็นปัญหาเรื้อรังที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นอดีตศูนย์หน้าของสโมสรลิเวอร์พูลอย่างราฮีม สเตอร์ริ่ง(ปัจจุบันอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้) ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษนั้นก็เปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกว่า "นับตั้งแต่ที่มาลิเวอร์พูล ผมก็ถูกเหยียดสีผิวเป็นครั้งแรก(ในวงการฟุตบอล)" 

  การมีอยู่ของซาลาห์ที่ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปนั้น นั่นก็รวมถึงในโลกออนไลน์ด้วย

  ทางมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ตรวจสอบทวิตเตอร์ของแฟนลิเวอร์พูล 150,000 คนพบว่า คอมเมนต์ในเชิงดูหมิ่นศาสนาอิสลามลดลงถึง 50% ข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นบ่งชี้ว่าซาลาห์กลายเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ความเกลียดชังในวงการฟุตบอลลดลงด้วยผลงานของเขาก็ว่าได้

  แน่นอนว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญก็รู้สึกประหลาดใจจากผลลัพธ์ดังกล่าวเช่นกัน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Liverpool Echo ทำข่าวเกี่ยวกับกลุ่มปกป้องผู้ได้รับอิทธิพลการกีดกันทางศาสนาของมุสลิม Tell MAMA โดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารกลุ่มอย่างคุณ Iman Atta ได้ใจความดังนี้

  "หลังจากโม ซาลาห์ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล เหล่ามวลชนที่รักสโมสรก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่พูดจาเหยียดใส่ซาลาห์ มีแต่ความเคารพเทิดทูนยกย่อง สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ทลายกำแพงลง การมองกลุ่มมุสลิมในแง่บวกนั้นก็เพิ่มจำนวนสูงขึ้น"

  ซาลาห์ผู้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้การเหยียดเชื้อชาติและศาสนาลดน้อยลง คุณงามความดีที่เขาก่อให้กับลิเวอร์พูลนั้นมากมายจนไม่อาจนับได้เลย

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest