เรื่องราวของตำนานวงการลูกหนังโลกอย่างอดีตศูนย์หน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ดิเอโก้ มาราโดน่านั้น แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้วคำพูดและการกระทำของเขาก็ยังสร้างประเด็นฮือฮาได้อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ

  ล่าสุดมีสารคดีเรื่องราวครึ่งชีวิตของเขา "Diego Maradona: Rebel. Hero. Hustler. God" ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

  ผู้กำกับผลงานนี้คือ Asif Kapadia ที่เคยทำสารคดีเกี่ยวกับนักร้องนักประพันธ์ชาวอังกฤษ Amy Winehouse ผู้จบชีวิตลงในวัย 27 ปีเมื่อปี 2011 ทั้งที่ยังสาวยังสวยอยู่ 

  ภายในผลงานที่บันทึกเรื่องราวหลากหลายของมาราโดน่านั้น  ทั้งข้อมูลจากเจ้าตัวเองและการเก็บข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้นำไปสู่ข้อมูลว่ามาราโดน่าเสพยา

  ทาง The Sun ที่ลงรายละเอียดเนื้อหาของสารคดีนี้ระบุว่า ในสมัยที่มาราโดน่าโชว์ฟอร์มฉายแสงอยู่กับสโมสรนาโปลีนั้น มีหลักฐานยืนยันออกมาอย่างชัดเจนว่ามาราโดน่าเกี่ยวข้องกับมาเฟีย Camorra และโคเคนอีกด้วย ซึ่งทาง The Sun ได้พูดถึงฉากดังกล่าวนี้ว่า

  "ในปี 1986 มาราโดน่าที่โชว์ฟอร์มการเล่นจนทำให้ผู้คนหลงใหลและสืบทอดไปสู่รุ่นต่อรุ่น ทว่าในปีนั้นมาราโดน่าก็ซุกซ่อนความลับอันมืดสนิทเอาไว้ "พระเจ้าแห่งวงการฟุตบอล" ในตอนนั้นเสพติดโคเคนหนักและเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ทั้งสภาพนั้น กระนั้นในช่วงฤดูร้อนมาราโดน่าก็ใช้เวลาอย่างยาวนานและแสดงความหนักแน่นที่จะหักดิบจาก "ผงขาว" จากมาตรการตรวจยาเสพติดที่เข้มงวด จนทำให้ในตอนนั้นสามารถคว้าแชมป์ได้และทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลระดับโลกที่มีเสียงครหาโด่งดังมากที่สุด"
 

  นอกจากนั้นยังลงข้อมูลเกี่ยวกับมาราโดน่าสมัยที่อยู่นาโปลีดังนี้

  "กิจวัตรที่นาโปลีนั้น หลังเตะช่วงบ่ายวันอาทิตย์เสร็จแล้วก็จะเสพยายาวจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ ข้อมูลดังกล่าวในสารคดีนั้นเจ้าตัวมาราโดน่าออกมายอมรับด้วย "ผมร่วมปาร์ตี้โคเคนวันอาทิตย์จนถึงวันพุธ กลับบ้านในสภาพพี้หนัก จนพอพบกับลูกสาวของตัวเองเข้าผมก็รู้สึกหวาดกลัวและขังตัวเองในห้องน้ำ" แต่ก่อนการแข่งขันนัดใหญ่มาราโดน่าก็จะทำให้ตัวเองสะอาดสะอ้าน เขาตั้งใจฝึกซ็อมอย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนลงแข่ง"

  ทาง The Sun ก็ยังลงรายละเอียดว่า เรื่องราวดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของมาราโดน่าเท่านั้น เป็นการเปิดเผย "ฉากหลัง" เพียงส่วนเดียวของมาราโดน่าผู้ที่แฟน ๆ ต่างก็หลงรัก กระนั้นประเด็นดังกล่าวก็กลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมา นั่นก็เพราะว่าเจ้าตัวมาราโดน่าเองไม่พึงพอใจกับเรื่องราวดังกล่าวเลยทั้งสิ้น นั่นก็เพราะว่าในชื่อสารคดีนี้มีการใช้คำว่า "Hustler(คนหน้าเงิน)" ด้วย มาราโดน่าไม่ชื่นชอบคำนี้

  จากการรายงานของสื่อยุโรปอย่าง Euro news ระบุว่า "ผมเล่นฟุตบอล หาเงินจากการคอยวิ่งไล่ตามฟุตบอล" เป็นการกล่าวอ้างเช่นนั้น "ผมไม่เคยหลอกลวงใคร ถ้าอยากตั้งชื่อสารคดีนี้เพื่อดึงดูดลูกค้าล่ะก็ มันจะไปในอีกทิศทางหนึ่งแล้ว ผมไม่อยากให้ดูเลย" เป็นการเรียกร้องเช่นนั้น

  ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า สารคดีของมาราโดน่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสมจริงนั้นจะมอบภาพลักษณ์กับความรู้สึกให้ผู้ชมในทิศทางแบบไหนกัน... อนึ่ง สารคดีนี้จะเผยแพร่ให้รับชมกันทั่วไปในวันที่ 14 มิถุนายนนี้

ข่าวโดย กองบรรณาธิการ Soccer Digest