กัปตันแห่งราชันชุดขาวที่ต้องแบกรับความภาคภูมิใจอันหนักอึ้งของสโมสรนั้น เจ้าตัวประกาศทุ่มเททั้งชีวิตให้กับเรอัลมาดริดออกมา

  วันที่ 30 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น กองหลังทีมชาติสเปนแห่งสโมสรเรอัลมาดริด เซร์ฆิโอ รามอส จัดงานแถลงข่าวเร่งด่วนเพื่อพูดถึงประเด็นข่าวลือเรื่องการจะอยู่หรือไปของตัวเขาเอง

  ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้มีประเด็นฮือฮาในวงการลูกหนังเป็นอย่างยิ่ง ทางสื่อสเปนได้รายงานว่า หลังจากทีมพ่ายอาแย็กซ์ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกเลก 2 เมื่อเดือนมีนาคมเป็นต้นมา รามอสกับประธานสโมสรอย่างฟลอเรนติโน่ เปเรซก็มีปากเสียงกัน เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นกลายเป็นชนวนให้รามอสคิดออกจากทีมอย่างจริงจัง

  นอกจากนั้นยังมีการรายงานข่าวออกมาว่า เจ้าตัวได้รับข้อเสนอจากทั้งยูเวนตุส แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรวมไปถึงลีกจากประเทศจีนมาอีกด้วย รามอสผู้ย้ายมาจากเซบีย่าตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2005 นั้น เขาก็คือชายผู้มีสายเลือดแห่งมาดริดเข้มข้นผู้อุทิศตัวและทุ่มเทให้กับมาดริดมาอย่างยาวนานที่สุด

  รามอสผู้ตกเป็นประเด็นอย่างมากมายนั้น "ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่ออธิบายอนาคตของผมให้ชัดเจน" เจ้าตัวเกริ่นนำเช่นนั้นพร้อมกับแถลงข่าวดังนี้
 

  "เริ่มต้นจากเรื่องการอยู่หรือไปของผมนั้น มันมีข่าวคราวมากมายรอบตัวของผม เพราะฉะนั้นผมจึงอยากบอกให้ชัดเจนเลยว่า ผมคือมาดริดดิสต้า ผมอยากจะจบการค้าแข้งของตัวเองที่นี่ อยากจะสิ้นสุดสัญญาของตัวเองกับสโมสรนี้"

  "ในฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ ผมจึงอยากรื้อฟื้นสู่อนาคต มันก็มีหลายช่วงเวลาที่ผมคิดว่าตัวเองควรจะลาจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่นะ เพียงแต่ว่าโดยส่วนตัวของผมแล้ว ถ้าผมจะออกจากสโมสรนี้ก็ต้องเป็นช่วงหลังจากที่อยู่ในจุดสูงสุด หลังจากคว้าชัยชนะ แบบนั้นค่อยสมกับเป็นตัวของผมดี ความฝันของผมคือการแขวนสตั๊ดกับที่สโมสรนี้ในฐานะมาดริดดิสต้า หากเพื่อสโมสรนี้ล่ะก็ผมเล่นฟรี ๆ ยังได้เลย"

  รามอสบ่งบอกถึงความภักดีที่มีต่อมาดริดอย่างหนักแน่น หลังจากนั้นก็พูดถึงเรื่องราวของเขากับประธานเปเรซที่มีข่าวลือออกมาอย่างมากมาย

  "สำหรับผมกับประธานนั้นพวกเราก็เหมือนกับพ่อกับลูก พวกเราต่างก็รักในตัวของกันและกันมาก เมื่อวานผมก็ไปเจอเขามานะ พวกเราไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินทองแม้แต่นาทีเดียวเลย ผมมีความสัมพันธ์ที่แสนแน่นแฟ้นกับประธานอย่าง 100% เพียงแต่ว่ามันก็มีหลายสิ่งในปีนี้ที่ผมไม่ชอบ ซึ่งมันทำให้ผมเจ็บปวด เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการพูดจากันอย่างซึ่ง ๆ หน้า มันเลยมีช่วงเวลาที่อึดอัดเหมือนกันครับ อันที่จริงลูกก็มีทะเลาะเบาะแว้งกับพ่อเป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ความรักมันก็แบบนี้แหละครับ"