"มิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ล(ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้)เลยล่ะ"

  ลีกเอิงนัดที่ 29 ที่เตะกันในวันที่ 17 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น สโมสร PSG เปิดบ้านรับการมาเยือนของมาร์กเซย เป็นศึก "Le Classique(คลาสิโก้ของฝรั่งเศส)" หลังจบการแข่งขันผู้จัดการทีมของมาร์กเซยอย่างรูดี้ การ์ซียาให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมทีมมาเพื่อโค่นศัตรูตลอดกาลให้ได้ แต่ไม่ใช่เฉพาะทีมเท่านั้นที่ประสบปัญหา แต่เหล่าผู้สื่อข่าวที่พยายามเข้าสัมภาษณ์ในพื้นที่ Mix Zone นั้นต่างก็เจอกับปัญหาเช่นเดียวกัน

  นั่นก็เพราะว่าไม่มีนักเตะคนไหนหยุดให้สัมภาษณ์เลย นักเตะมาร์กเซยที่พ่าย 1-3 นั้นไม่คิดจะแยแสเหล่านักข่าวที่เข้าไปสัมภาษณ์ ที่เห็นผ่านตาคนแรกคือมาริโอ บาโลเตลลี่ที่เดินผ่านไปเลย ส่วนนักเตะตัวสำรองอย่างคาวิน สตรูทแมนและดิมิทรี พาเยตก็รีบจ้ำเท้าเดินผ่านไป

  แต่กระนั้นนักเตะชาวญี่ปุ่นแห่งสโมสรมาร์กเซยผู้เล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายในวันนี้อย่างซาไก ฮิโรกินั้นเขาก็หยุดให้สัมภาษณ์ตรงที่มุมหนึ่งของมิกซ์โซนเหมือนดั่งทุกครั้ง

  เนื่องจากผลลัพธ์ในเกมออกมาเป็นเช่นนี้จึงทำให้สีหน้าของเขาดูบึ้งตึงเล็กน้อย อีกทั้งยังเว้นระยะห่างออกจากตัวนักข่าวในระดับที่มากกว่าปกติด้วย แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นกองหลังทีมชาติญี่ปุ่นก็ยังตอบคำถามด้วยความถ่อมตนเหมือนเดิม

  โดยทางผู้เขียนได้กล่าวกับทางซาไกว่า "ขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์นะคะ" เกมในวันนี้มีช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งหลังที่ทางซาไกทำฟาวล์คิเลียน เอ็มบาปเป้จนล้มลงส่งผลให้ทีมเสียจุดโทษ แต่กระนั้นผู้รักษาประตูอย่าง Yohann Pelé ที่ถูกส่งลงมาแทนที่ Steve Mandanda ที่ถูกใบแดงออกจากสนามไปนั้นก็สามารถเซฟลูกจุดโทษดังกล่าวเอาไว้ได้
 

  ซาไกพูดถึงฉากดังกล่าวว่า

  "ครับ ใช่เลยครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมอยากให้ผู้ตัดสินดูวีดีโอซ้ำ แน่นอนว่าผมก็เคารพการตัดสินอยู่ครับ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ทำฟาวล์เลย เอ็มบาปเป้ตั้งใจ..."

  ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนั้นซาไกก็เรียกร้องให้มีการดู VAR หลังมีการตัดสินเลยทันที กระนั้นผู้ตัดสินก็เพิกเฉย จังหวะนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม ซึ่งเอ็มบาปเป้ก็เล่นได้อย่างชาญฉลาดในการเตรียมล้มเมื่อมีแรงปะทะ แต่แน่ล่ะว่านักเตะชาวซามูไรที่เข้าทำอย่างเฉลียวฉลาดนั้นก็ไม่อาจนิ่งเฉยเมื่อตัวเองพบกับความไม่เป็นธรรม

  เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวของซาไกเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับภาพรวมที่ออกมาในเกมนี้นักเลย